BGH

BGH เป็นหุ้นเติบโต ที่อาศัย M&A เป็นกลยุทธ์เติบโตที่สำคัญ และในเวลาเดียวกัน ตัวธุรกิจโรงพยาบาลเองก็เป็นธุรกิจที่มี organic growth ที่ดีอยู่แล้ว เนื่องจากเมกกะเทรนด์ผู้สูงอายุ ทำให้มันเข้านิยาม 7thLTG ของเราได้ไม่ยากนัก

ธุรกิจโรงพยาบาล ก็เป็นธุรกิจที่เหมาะจะโตโดยการทำ M&A ในหลายแง่ ประการแรก การสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น จะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะคืนทุน เพราะโรงพยาบาลใช้เวลาสร้างชื่อเสียงนานหลายสิบปี ดังนั้นช่วงสิบปีแรกจึงมักกำไรน้อยหรือยังไม่กำไร การซื้อโรงพยาบาลเก่าที่ชื่อเสียงเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภคอยู่แล้ว จึงนับว่าเสี่ยงน้อยกว่า และคืนทุนได้ไวกว่ามาก

ประการที่สอง ธุรกิจนี้มีกำไรค่อนข้างดี ดังนั้นแม้จะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก แต่กำไรที่เกิดขึ้นระหว่างทางก็ช่วยเติมสภาพคล่องกลับมาให้บริษัทได้ ต่างกับธุรกิจการผลิตที่กำไรน้อย แต่พยายามโตด้วย  M&A สุดท้ายแล้ว มักพบว่าสะดุดเรื่องสภาพคล่อง เพราะ M&A ที่ลงทุนไปแล้ว สร้างสภาพคล่องกลับมาไม่ทัน เงินจม เมื่อวงเงินกู้เต็ม ก็ไปต่อไม่ได้ แต่การที่ BGH มี ROE เกิน 15% นั้น ช่วยให้การกู้เงินอัตราดอกเบี้ยต่ำแค่ 4-5% เพื่อมาซื้อธุรกิจโรงพยาบาลที่ให้ผลตอบแทน 15% ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าได้ไม่ยากนัก ทำไมจะไม่ทำ

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เป็นกังวลกันอยู่ในเวลานี้ก็คือ โอกาสในการทำ M&A ที่ยังเหลืออยู่ของ BGH มีเหลือน้อยแล้วหรือไม่  เพราะ BGH เป็นเจ้าของทุกเครือโรงพยาบาลในประเทศไทยไปแล้ว (SVH, BNH, BH, พญาไท, เปาโล, กรุงธน) หรือมิฉะนั้นก็ถือหุ้นส่วนน้อยอยู่ (RAM, BCH, etc.) ทำให้การที่จะสร้างการเติบโตต่อไปอีกให้มีขนาดที่มีนัยสำคัญเช่นเดิมด้วย เป็นเรื่องยากขึ้น เพราะฐานเดิมใหญ่มากแล้ว หรือถ้าหากจะไปโตต่อโดยการไปต่างประเทศ ก็จะดูเสี่ยง อย่าง BH เคยทำแล้วก็เลิกไป เพราะพบว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อโอกาสเติบโตเล็กลง ก็น่าเป็นห่วงว่า ราคาหุ้นในเวลานี้จะสูงไปหรือไม่ เมื่อเทียบกับการเติบโตที่คาดหวังได้

ถ้าเรามองในแง่ขนาด ทุกวันนี้ BGH เป็นเครือโรงพยาบาลใหญ่อันดับสามของโลก แต่ก็ยังเล็กกว่าอันดับสองประมาณเท่าตัว ฉะนั้น ถ้าจะบอกว่า โตไม่ได้แล้ว ก็อาจจะไม่จริงเสมอไป เพียงแต่ถ้าจะโตต่อก็ต้องมีการขยับตัวครั้งสำคัญ เช่น ซื้อเครือโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในต่างประเทศที่ใหญ่ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าเสี่ยง สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่าคือ การที่ BGH สามารถเจรจาของซื้อหุ้นเพิ่มจากโรงพยาบาลที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนอยู่แล้ว แต่ยังถือหุ้นส่วนน้อยอยู่ เพราะนั่นจะทำให้โตได้อย่างมีนัยสำคัญและปลอดภัยที่สุด แต่นั่นก็ต้องใช้ความสามารถพอสมควร เพราะที่ผ่านมา โรงพยาบาลเหล่านี้ต้องการรักษาสัดส่วนความเป็นเจ้าของของตัวเองไว้ ทำให้ไม่ยอมให้ BGH เข้ามาถือหุ้นเพิ่ม

ในด้านการเงิน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะ BGH ยังมีหนี้ต่อทุนไม่ถึง 1:1 ทำให้ยังสามารถกู้เงินมาทำ M&A ได้อีก และเมื่อเร็วๆ นี้ BGH ก็เพิ่งขอออกหุ้นกู้แปลงสภาพ วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท (ซึ่งน่าสังเกตว่าเมื่อรวมกับหนี้ปัจจุบันที่มีอยู่จะทำให้ BGH มีหนี้ต่อทุนประมาณ 1 เท่าพอดี)​ นับว่าเป็นข่าวดี เพราะเป็นการทดแทนแผนเพิ่มทุนเดิม โดยแผนใหม่นี้จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพส่วนหนึ่ง และหุ้นเพิ่มทุนอีกส่วนหนึ่ง ทำให้มี dilution effect น้อยลง  (กู้ย่อมดีกว่าเพิ่มทุน)  โดยหากหุ้นกู้แปลงสภาพนี้ถูกแปลงเป็นทุนจริงๆ ก็มี dilution แค่ 3% เท่านั้น ซึ่งถือว่ารับได้ หุ้นกู้แปลงสภาพยังมีอัตราดอกเบี้ยที่ตำ่กว่าหุ้นกู้ธรรมดาอีกด้วย

แต่ที่เป็นข่าวดียิ่งกว่านั้นก็คือ ทำให้เราเดาได้ว่า BGH ยังมีแผนในการทำ M&A อยู่อีก ซึ่งแม้ว่าเราจะยังนึกไม่ออกว่าเขาจะซื้ออะไรใหญ่ได้อีก แต่ก็ทำให้เราอุ่นใจได้ว่า หุ้นตัวนี้ยังมีโอกาสเติบโตให้เราได้เห็นอีก ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ต้องรอดูกันต่อไปครับ

 

21 Replies to “BGH”

  1. ผมสมัครสมาชิก จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อย สามารถล็อกอินเข้ามาได้ แต่ยังไม่สามารถอ่านบทความต่อได้ครับ
    พอคลิกเข้าไปอ่าน ที่ continue reading มันจะกลับไปที่หน้าจอ ให้ล็อกอินใหม่อีกครั้ง
    ช่วยเช็คด้วยนะครับ
    ขอบคุณครับ

  2. ขอบคุณครับ ขับผ่าน รพ กรุงเทพ (เวชประสิทธิ์ เดิม) ที่ขอนแก่น น่าจะใกล้เปิดให้บริการแล้ว

  3. มีคำถามครับพี่โจ๊ก ถ้าในเมื่อ รพ เป็นธุรกิจที่ดี ทำไมเจ้าของเดิมถึงยอมให้ ถือหุ้นอ่ะครับพี่ เอากำไรเข้าตังเองเต็มๆไม่ดีกว่าเหรอครับ

    1. เป็นรพ.โดดเด่น แข่งขันกับ รพ.เครือข่ายได้ยาก ให้เขาเข้ามา แล้วเอาระบบเข้ามาด้วยดีกว่า

  4. ขอบคุณครับ

    น่าสนใจเหมือนกันครับ ว่า บ. จะนำเงินจำนวนมากก้อนนี้ไปต่อยอดธุรกิจอย่างไร

    นอกจากที กัมพูชาแล้ว คุณนรินทร์คิดว่า ในพม่า ลาว เวียดนามจะสามารถตั้ง รพ.เครือข่าย ได้สำเร็จมั้ยครับ

  5. พี่โจ๊กให้คะแนนผู้บริหาร บ.นี้ เต็ม 10 ให้กี่คะแนนครับ … ^^

    1. เมื่อก่อนผมชอบ BH มากกว่า ดู conservative ดี แต่ตอนหลัง เห็นได้ชัดเจนว่า วิธีคิดของ BGH ถูกต้องมากกว่า ทุกวันนี้ BGH แซงหน้า BH ไปอย่างมากมายแล้ว

  6. ข้อดีหนึ่งที่พูดกันเยอะของการมีรพเครือข่ายคือเรื่องการส่งต่อผู้ป่วย คือผมจินตนาการไม่ออกว่ามันเป็นข้อได้เปรียบจริงๆหรอครับ เพราะการส่งต่อผู้ป่วยจาก ตจว เข้า กทม สุดท้ายผู้ป่วยก้ออาจเลือกรพอื่นๆเช่นศิริราช หรือจุฬาฯ หรือรพเอกชนอื่นๆได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเครือรพกรุงเทพ หรือเปล่าครับ หรือว่าการส่งต่อไปยังรพในเครือจะมีข้อดีอย่างอื่นสำหรับผู้ป่วยหรือเปล่าครับ
    ข้อดีอีกอย่างของของการมีรพในเครือมากคือสามารถซื้อยาและอุปกรณ์ต่างๆได้ในราคาถูกลง แต่ผมสงสัยว่ามันจะช่วยลด cost ได้มากจริงมั้ยครับ และมากเท่าไหร่ พี่โจ๊กพอมีข้อมูลตรงนี้มั้ยครับ
    เห็นพี่โจ๊กพูดถึงระบบที่ดีของรพ. กรุงเทพ รบกวนพี่ช่วยพูดถึงรายละเอียดหรือยกตัวอย่างให้พอเห็นภาพหน่อยได้มั้ยครับว่าเค้ามีระบบที่ดีอย่างไร

    ขอบคุณครับ

    1. เมื่อก่อนนี้ สมิตเวช ลุ่มๆ ดอนๆ มาก ขาดทุนตลอด เพราะการจัดการที่ยังไม่เป็นมืออาชีพ แต่พอ BGH ก็เห็นได้ชัดว่าอะไรต่อมิอะไรดีขึ้น มีความเป็นมาตรฐานโลกมากขึ้น ตอนนี้ก็ได้ JCI แล้วด้วย

      BNH ก็เหมือนกัน เมื่อก่อนดูเป็นรพ.local มากๆ แต่เดี๋ยวนี้ ลูกค้านอกเขตก็ไปใช้บริการกันมากขึ้น

      ผมมองว่าเป็นเรื่องของการยกระดับการจัดการโรงพยาบาลให้อินเตอร์ขึ้น คือ ประโยชน์สูงสุดของการเข้ามาอยู่ในเครือ อะไรต่อมิอะไรที่ BGH ลองผิดลองถูกมาแล้ว สามารถนำมาใช้กับโรงพยาบาลอื่นๆ ในเครือได้ทันที

      ถ้าไปดูโรงพยาบาลที่โดดเดี่ยว อย่างเช่น ไทยนครินทร์ ผมมองไม่ออกเลยว่า เขาจะยกระดับตัวเองให้รับลูกค้าต่างประเทศได้อย่างไร มันต้องต่อสู้คนเดียวในด้านการตลาด กี่ปีกี่ปีก็เห็นว่า ยังเป็นได้แค่โรงพยาบาลระดับท้องถิ่น

      การจัดซื้อยา ก็น่าจะได้ประโยชน์บ้าง เพราะเป็นรายใหญ่ อำนาจการต่อรองก็น่าจะมีมากกว่า การส่งต่อ ก็อาจจะมีบ้าง เช่น โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่าในเครือน่าจะมีเครื่องมือที่ครบมากกว่า แต่ benefit ตรงนี้ ผมก็ยังไม่ว่าเห็นชัดเจนเท่าไร ถ้าเทียบกับ Know-how Transfers (Hospital Business&Management)

    2. การส่งต่อ น่าจะช่วยเรื่องเครื่องมือขนาดใหญ่ ราคาแพงมากๆ ที่ลงทุนที่เดียว แล้วจะได้มีคนไข้มาใช้เยอะๆ น่าจะคืนทุนเร็วขึ้น

  7. หุ้นดีๆอย่าง BGH แพงตลอด นอกจากซื้อทุกเดือนในพอร์ตออมหุ้น จะจับจังหวะเข้าซื้อเพิ่มเติมยังไงดีคะ

  8. ผมเคยสมัครรับข่าวสารทางอีเมล์ตั้งแต่ 15/1/54 ตอนนี้ไม่สามารถอ่านบทความทางอีเมล์ได้มาซักพักใหญ่แล้วครับ อยากสมัครเป็นสมาชิกต่อแต่ไม่ทราบว่าต้องสมัครเป็นสมาชิกใหม่หรือจะupgrade จากสมาชิกเก่าครับ อย่างไรรบกวนตรวจสอบให้หน่อยครับ

  9. รบกวนคุณสุมาอี้ครับ ผมเป็นสมาชิกถาวรแล้ว ก่อนหน้าเข้าอ่านได้ แต่วันนี้ศุกร์22สค57 เวลา08:03 login 4 ครั้งไม่ได้ครับ

  10. รู้ได้อย่างไรว่าราคาตอนนี้แพงแล้ว ผมมีความเห็นว่า อย่าติดกับดักกับราคาในอดีต การซื้อหุ้นคือการซื้ออนาคต ถ้าเราตีแตก business model มันได้ รู้ว่ามันจะโตได้แค่ไหน ทำ cash flow ได้เท่าไหร่ในอนาคต เราจะรู้ความถูกแพงของหุ้นได้เองครับ

  11. รบกวนถามเพื่อความแน่ใจค่ะ พอร์ตหลักมี hmpro cpall อยู่ หวังให้ซักสิบปีมันจะเลี้ยงเราหลังเกษีญน ตอนนี้มีเวลาทำงานประจำอีกสิบปี อยากทำ dca เพิ่ม ระหว่างตัว M กับ BGH เดือนละ ๑ หมื่น บาท ควรทำตัวละ 50 : 50 ดี หรือซื้อ BGH ตัวเดียวดี ส่วนตัวมองว่า bgh น่าจะโตได้มากกว่า ถ้าซื้อตัวเดียวจะเสี่ยงไปไหมค่ะ. หรือมีข้อแนะนำอีกไหม. กำลังลังเลอยู่ ไม่รู้จะเอายังไงดีค่ะ. ขอบคุณค่ะ

    1. ถ้าพอร์ตหลักมีแค่ 2 ตัว ผมว่า ทั้ง m และ bgh ด้วยน่าจะดี เพราะ 4 ตัว ยังถือว่าไม่ได้กระจายหุ้นมากเกินไป น่าจะดีกว่า 3 ตัว เพราะทั้งสองตัวดูเป็นหุ้นที่โอเคที่จะถือระยะยาวทั้งคู่ครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *