Skip to content

113: 0151: กฎทั่วไป 10 ข้อในตลาดหุ้น

ผมเคยเขียนกฎสิบข้อเอาไว้หลายปีก่อน อันนั่นเป็นแนวทางส่วนตัวของผมเอง คราวนี้ผมขอลองเขียนกฎสิบข้อสำหรับนักลงทุนทั่วไปแบบไม่จำกัดว่าเป็นแนวทางไหนดูบ้าง

  1. เลิกนิสัย “Cut out the Flowers, Water the Weeds” ให้ได้ อย่าลงโทษหุ้นที่ขึ้น ด้วยการขายทิ้ง เพราะพวกมันยังไม่ได้ทำผิดอะไร
  2. คอยเฝ้าระวัง Downside ให้ดีที่สุด แล้ว Upside จะมาหาคุณเองโดยอัตโนมัติ หลีกเลี่ยงการขาดทุนครั้งละมากๆ ให้ได้
  3. ไม่มีอะไรทำให้ฝูงชนคิดว่าหุ้นตัวนี้พื้นฐานดีได้มากเท่ากับราคาของหุ้นตัวนั้นที่ขึ้นให้เห็นทุกวันอีกแล้ว แต่ตัวคุณเองอย่าเคลิ้มไปกับความรู้สึกนั้น
  4. การมองหุ้นให้เป็นเหมือนการซื้อธุรกิจเป็นวิธีที่ดี แต่อย่าถึงขั้นหลงรักหุ้นที่ซื้อ เพราะมันจะทำให้คุณลำเอียงอย่างมาก
  5. ไม่มีแนวการลงทุนไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่ละคนจะต้องค้นหาแนวที่เหมาะสมกับบุคลิกและความถนัดส่วนตัวของคุณให้ได้
  6. การซื้อหุ้นให้ถูกตัวนั้นยังไม่สำคัญเท่ากับการมีพฤติกรรมซื้อๆ ขายๆ ที่ถูกต้อง อย่าให้ความสำคัญกับหุ้นเด็ดเพราะว่าไม่มีใครในตลาดที่คิดถูกตลอดเวลา
  7. วิธีการที่ใช้ได้ผลดีในช่วงหนึ่ง อีกสามสี่ปีข้างหน้ามันอาจใช้ไม่ได้ผลดีมากเท่าเดิมก็ได้ เพราะว่าตลาดหุ้นนั้นเปลี่ยนนิสัยไปเรื่อยๆ ทุกยุคสมัยด้วย
  8. ตลาดหุ้นคืออาชีพอย่างหนึ่ง คนที่จะรวยจากตลาดหุ้นได้ก็มีน้อยพอๆ กับทุกอาชีพนั่นแหละ การที่มันเป็นแค่การเคาะซื้อและขายคือภาพลวงตาที่ทำให้เรามองว่ามันง่ายกว่า ถ้าหากหวังจะรวยด้วยหุ้นแล้ว คุณต้องจริงจังกับมันเท่านั้น
  9. แต่ถ้าต้องการแค่ผลตอบแทนที่ดีพอสมควร โดยที่ไม่ต้องทุ่มเทมาก จงพยายามเลือกวิธีการที่ passive เข้าไว้ เพราะความผิดพลาดของคนส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมซื้อๆ ขายๆ ของเขาเอง การทยอยซื้อ index fund สะสมไปเรื่อยๆ จนเกษียณ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี
  10. ตลาดหุ้นนั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ แต่ว่าตลาดหุ้นก็ฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่ มิฉะนั้นทุกคนคงจะรวยกันหมด ฉะนั้นอย่าดูถูกตลาดมากจนเกินไปด้วย

25 thoughts on “113: 0151: กฎทั่วไป 10 ข้อในตลาดหุ้น”

  1. banner ที่ติดในบล็อคพี่โจ๊กนี่ sexy ดีนะครับ ^^

  2. “ผมเคยเขียนกฎสิบข้อเอาไว้หลายปีก่อน อันนั่นเป็นแนวทางส่วนตัวของผมเอง”

    พี่ครับ แล้วกฎสิบข้อของพี่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนครับ หรือว่ายังเหมือนเดิมครับ ขอบคุณครับ

  3. มีเปลี่ยนแปลงไปบ้างครับ เพราะคนเราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดอยู่กับที่

  4. ขอบคุณครับ พอจะบอกกฎที่เปลี่ยนแปลงไปได้บ้างมั้ยครับ

  5. โดยรวมก็คือ ผมเน้น qualitative มากขึ้น และ passive มากขึ้น กว่าเมื่อห้าปีที่แล้ว

    เป็นไปตามไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายชีวิตที่เปลี่ยนไป

  6. ถามพี่สุมาอี้ครับว่า การซื้อ index fund ไปเรื่อยๆ กับ gold fund ไปเรื่อยๆ อันไหนควรจะได้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ สิ่งที่ผมคิดคือ index fund ราคายังผันผวน ขึ้นบ้างลงบ้าง แต่ gold fund แนวโน้มราคาทองคำสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ปี ครับ

  7. ความเห็นของผมคือ ทองคำเป็นแค่โลหะทำงานหาเงินเองไม่ได้ แต่หุ้นคือบริษัทที่มีคนทำงานหาเงินให้เราทุกวัน ในระยะยาว โดยรวม หุ้นน่าจะดีกว่าทองคำนะครับ

    ที่ผ่านมา ทองคำไม่ได้ขึ้นมาด้วยค่าในตัวมันเองเลย เพราะความต้องการทองคำในอุตสาหกรรมไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมาย ทองคำขึ้นมาด้วยเหตุผลเดียวคือ เงินดอลล่าร์เสื่อมค่า คนเลยไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหน

    ทุกวันนี้ดอลล่าร์ยังมีแนวโน้มเสื่อมลงอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากวันใดที่คนกลับมามั่นใจในเงินดอลล่าร์ หรือมีเงินอื่นที่ทำหน้าที่แทนดอลล่าร์ได้​ ทองคำจะกลับสู่ความเป็นจริงของมันครับ

  8. พี่ครับแล้วพี่มีแบ่งเงินสดไว้ไหมครับ เก็บไว้เจอเหตุการที่คาดไม่ถึง

    แล้วถ้าแบ่งพี่แบ่งเงินสดไว้กี่ % ของพอร์ตครับ

  9. ผมไม่ค่อยถึือหุ้นเต็มพอร์ตอยู่แล้ว เพราะแนวผมไม่ค่อย aggressive ครับ

  10. พี่ครับไม่ทราบว่าพี่ออกแบบพอร์ตโพลิโออย่่างไงครับ

    ถ้าสมมุติมีเงิน 1 ล้านบาท

    และจะซื้อหุ้น 5 ตัว(อย่างที่ ลินช์บอกไว้) พี่จะแบ่ง เป็น ซื้อหุ้นละ 20% เท่าๆ กันหรือเปล่าครับ

    เพื่อให้พอร์ต ได้กระจ่ายความสี่ยง

  11. ถ้าโจทย์เริ่มต้นด้วยมีเงินออมหนึ่งล้าน ก็คงแบ่งสัดส่วนตามความมั่นใจ มั่นใจมากให้น้ำหนักมาก มั่นใจน้อยให้น้ำหนักน้อยครับ

    แต่จะแบ่งตัวละเท่ากันก็ได้ จะได้ไม่ต้องปวดหัวมาก

    เพราะสุดท้ายแล้ว ความไม่แน่นอนจะสร้าง surprise ให้เราด้วยส่วนหนึ่งเสมอครับ

  12. เบิร์ด ผู้กอง

    บทความยอดเยี่ยม ตอบคำถามเฉียบคม

  13. ถามเพิ่มหน่อยครับ ขอให้พี่สุมาอี้ช่วยอธิบายข้อ 6 เพิ่มได้ไหมครับ ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมซื่อๆ ขายๆ อย่างถูกต้องหมายถึงอะไร

  14. อึมก็มีหลายอย่างนะครับ ไม่ overtrading ไม่ sell flower, water weeds, etc.

  15. สวัสดีครับ … ถ้าจะขออนุญาต นำบทความของพี่สุมาอี้ ไปทำเป็น ebook-format (พวก .mobi) เพื่อให้คนทั่วไปได้อ่านกันในแบบ ebook นี้ … พี่จะพออนุญาตได้ไม๊ครับ

    1. เรื่องแชร์บทความในบล็อกนี่ผมคิดแค่ประมาณว่าถ้าเป็นลักษณะ fair use/fair dealing คือ เอาไปใช้นิดหน่อยๆ อย่าง เอาบทความบางบทที่ถูกใจไปโพสต์บน wall หรือเอาไปใส่บล็อกตัวเอง ก็น่าจะให้ทำกันได้ตามสบาย

      แต่ถ้าขนาดเอาเนื้อหาไปเยอะๆ เลย เช่นเอาไปรวมเป็นอีบุ้คนี่อาจจะเลยเจตนาของผมไปหน่อย ไม่ค่อยอยากให้ทำอ่ะคับ

  16. งั้นขออนุญาต เป็นบางบทความนะครับ
    จริงตั้งใจจะทำเป็นบางบทความ มากกว่ารวมเนื้อหาเยอะๆทำเป็นเล่ม
    เพราะขนาดไฟล์จะได้ไม่ใหญ่มาก ดาวน์โหลดได้ง่าย

  17. ผมขอออกความคิดเห็นหน่อยนะครับท่าน readerland ผมว่าท่าน

    จะเอาบทความของพี่นรินทร์ไปทำ ebook หรือไปให้ใครอ่านผมว่าท่านแนะนำให้เขาเข้ามาอ่าน

    ที่ web พี่เขาดีกว่าครับ ไปแช่กันด้วย

  18. @ko_hisashi
    ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ พอดีใช้ kindle เข้ามาอ่านบทความของพี่สุมาอี้เป็นประจำครับ แต่เวลาดูผ่าน web browser ของ kindle มันจะไม่ชัดเท่ากับเวลาอ่านแบบที่เป็น ebook format
    .. ด้วยเหตุนี้ก็เลยแอบปิ๊งไอเดีย ทำเป็น ebook (*.mobi) ให้คนทั่วไปได้โหลดอ่าน เผื่อว่าจะได้อ่าน off-line (*.mobi น่าจะเปิดได้รวมทั้ง ipad iphone android อันนี้ไม่แน่ใจ แต่เค้าว่ากันว่า)

    ตอนนี้ผมลองทำเป็น file *.mobi ตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ รบกวนเผื่อว่ามีใคร comment หรือแนะนำ
    http://www.readerland.in.th/ebook/page.php?ebookid=6

    @พี่สุมาอี้
    ผมลอง download file โดยตรงจาก web เข้า kindle 3 ได้เลยโดยตรง (ไม่ต้อง copy จาก PC) น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนใช้ kindle ล่ะครับ

    อย่างไรก็ตาม ถ้าพี่ไม่เห็นด้วยอย่างไร ผมจะลบออกทันทีเลยครับ

  19. ตอนนี้คุณโจ๊กแกเขียนหนังสือขาย บางทีก็รวมจาก บลอก ยังไงก็ช่วยกันอุดหนุนด้วยนะคับ ผม มีเกือบครบละ

  20. เบิร์ด ผู้กอง

    Cut out the Flowers, Water the Weeds ต้นเหตุความเสียหายจากการขายหมู

Leave a Reply to Dekisugi Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *