Skip to content

116: 0166: long-term growth patterns of some businesses

ขอเอาการเติบโตรายได้ของบางบริษัทในตลาดหุ้นในช่วงสิบปีล่าสุดมาให้ดูกันนะครับ ภาพสิบปีไม่ใช่ภาพที่เราคิดถึงอยู่ทุกวัน เวลาที่เรามองหุ้นครับ

ผมจงใจเลือกหุ้นบิ๊กแค๊ปมาให้ดู หุ้นบิ๊กแค๊ปเป็นหุ้นที่นักลงทุนโดยทั่วไปมองว่าน่าเบื่อ โตยาก ราคาหุ้นมักขึ้นๆ ลงๆ ตาม SET Index ทำให้ไม่มีอะไรแตกต่างจากการซื้อดัชนีมากนัก

แต่ถ้าเอาภาพสิบปีมาดูจะเห็นว่า บนความเหมือนๆ กันในระยะสั้นนั้น หุ้นบิ๊กแค๊ปแต่ละตัวมีภาพการเติบโตในระยะสิบปีที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างมาก

หุ้นบิ๊กแคปที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวตามเซ็ตเหมือนๆ กันนั้น บางตัวเมื่อสิบปีที่แล้วมันแกว่งอยู่แถวๆ 2-4 บาท สิบปีต่อมามันก็ยังแกว่งอยู่แถวๆ 2-4 บาทเหมือนเดิม (แบบนี้ถือทิ้งไว้คงไม่ได้อะไร) แต่บางตัวสิบปีก่อนมันอาจแกว่งอยู่แถว 2-4 บาท แต่พอสิบปีผ่านไป มันก็ยังคงแกว่งตามเซ็ตอยู่เหมือนเดิม แต่ช่วงที่มันแกว่งอาจกลายเป็นแถว 20-40 บาทไปแล้ว นั่นก็เพราะขนาดธุรกิจของมันเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างมากนั่นเอง

SCB

BANPU

ADVANC

TTA

 

LH

CPN

TUF

คนที่ลงทุนแบบระยะยาวจึงต้องมองข้ามภาพการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นให้ได้ เพราะในระยะสั้นอิทธิพลของตลาดมีผลต่อราคาหุ้นมากกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวมาก เราต้องแยกให้ออกว่า หุ้นที่ดูจะผันผวนตามเซ็ตเหมือนๆ กันนั้น ตัวไหนบ้างที่จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต เพราะขนาดของธุรกิจที่มีการเติบโตได้แบบมีนัยสำคัญ

ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ การเติบโตของธุรกิจมักไม่ได้เป็นเส้นตรงที่มีความชันคงที่ไปตลอด แต่มักเติบโตสูงเป็นพักๆ สลับกับช่วงหยุดนิ่ง เพราะธุรกิจอาจเจอกำแพงของการเติบโตในบางช่วง ทำให้ดูเหมือนหยุดโตแล้ว แต่เมื่อบริษัทสามารถทำลายกำแพงระยะสั้นเหล่านั้นลงได้สำเร็จ มันก็จะกลับมาเติบโตอีกจนกระทั้งชนเข้ากับกำแพงตัวใหม่ เป็นอย่างนี้เรื่อยไป ตราบเท่าที่ศักยภาพในการเติบโตที่แท้จริงของมันยังไม่หมด ฉะนั้นการที่บางบริษัทอาจมีรายได้ที่หยุดโตในบางช่วง จึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันเติบโตไม่ได้แล้วเสมอไป ที่จริงแล้วถ้าคุณเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีฐานธุรกิจที่มั่นคงแล้วสักหน่อย การที่ราคาหุ้นร่วงลงเพราะกำไรลดลงในระยะสั้นนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว โดยมากมักเป็นโอกาสด้วยซ้ำ รอสักนิดหน่อย บริษัทที่มีฐานธุรกิจที่มั่นคงระดับหนึ่งโดยมากมักจะกลับมา

สำหรับพอร์ตที่ลงทุนแบบสะสมไปเรื่อยๆ ในระยะยาวอย่างเช่น พอร์ต 7LTG นั้น ถ้าหุ้นที่ซื้อสะสมจะมีกำไรลดลงหรือเติบโตหยุดนิ่งบ้างในบางช่วงบางเวลาย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว หรือจำเป็นจะต้องปรับหุ้นเหล่านั้นออกแต่อย่างใด เพราะตราบใดที่หุ้นเหล่านั้นยังสามารถกลับมาสร้างจุดสูงสุดเดิมได้อีกอยู่เรื่อยๆ การสะสมหุ้นเหล่านั้นย่อมไม่ทำให้ขาดทุน การถอยกลับชั่วคราวกลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่จะได้สะสมของถูก หุ้นที่ต้องระวังจริงๆ จึงไม่ใช่หุ้นที่มีผลประกอบที่ผันผวน แต่เป็นหุ้นที่ธุรกิจของมันหมดอนาคตไปแล้วโดยถาวร เป็นการยากที่จะกลับมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีก ถ้าคิดว่าหุ้นตัวไหนเป็นเช่นนั้น ถึงจำเป็นต้องปรับออกครับ

ความเสี่ยงของการลงทุนแบบระยะยาวไม่ใช่ความผันผวนของราคาหุ้น หรือแม้แต่ความผันผวนของผลประกอบการ เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ แต่ความเสี่ยงของการลงทุนแบบระยะยาวคือการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีศักยภาพแล้วครับ

28 thoughts on “116: 0166: long-term growth patterns of some businesses”

  1. I’ve followed your writings for quite a while. Just want to say thank you for your simple-but-sharp knowledge sharing on stock investment and economics.

    cheers!!

  2. ภาพที่นำมาเสนอเยี่ยมมากครับ ทำให้เห็นภาพเปรียบเทียบได้ดี
    อาจขอเสนอให้ระบุเลขปีเข้าไปในรูปด้วยเลยเช่น 2000-2010
    เพื่อเพิ่มความชัดเจนของข้อมูลครับ 😀

  3. จนถึงวันนี้ ท่านแม่ทัพก็ยังเป็นอันดับหนึ่งในใจผมเสมอ มุมมองดีมาก เห็นด้วยทุกประการ ขอบคุณมากครับ โดยเฉพาะย่อหน้าสุดท้าย เตือนใจได้ดีที่สุดเลยครับ

  4. ขอบคุณมากครับ ชอบมากเลย โดยเฉพาะวรรคสุดท้าย จะท่องจำให้ขึ้นใจก่อนคิดจะซื้อหรือขายครับ 🙂

  5. ความเสี่ยงของการลงทุนแบบระยะยาวคือการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีศักยภาพแล้ว ★☆★☆★ cool! ครับ

  6. ความเสี่ยงของการลงทุนแบบระยะยาวคือการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีศักยภาพแล้ว

    เห็นด้วยค่ะ

  7. ขาด PTT PTTEP SCC จะได้เห็นภาพ ความสามารถของบริษัทไทยได้มากขึ้นเลยครับ

  8. มุมมองในเรื่องของศักยภาพชัดเจนดีมากครับ แต่ให้มอง trend ในระยะยาวคงต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการคาดการณ์อนาคตเป็นหลักเหมือนกันครับ ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่เวลาเลือกหุ้น (ถ้ากำหนดให้เลือกบริษัทแบบ 7thLTG) ก็มักเข้าข้างตนเองอยู่เป็นประจำแหละครับ ถ้าให้ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถามว่ามีใครสักกี่คนที่มองอนาคตแล้วซื้อหุ้นที่กล่าวมาข้างต้นบ้าง

  9. จะเลือกหุ้นเข้าข้างตัวเองบ้างก็ไม่มีปัญหาเลยครับ ขึ้นชื่อว่าหุ้นไม่มีคำว่าแน่นอน 100% อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกให้ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ

    ปีเตอร์ ลินซ์ บอกว่า ถ้าคนธรรมดาหันมาเลือกหุ้นด้วยตนเอง 5 ตัว แล้วพยายามถือไว้ให้ได้นานๆ จะพบว่า มีหุ้น 3 ตัวที่ได้ผลตอบแทนธรรมดาๆ, 1 ตัวเลวร้ายผิดคาด แ่ละอีก 1 ตัวได้ผลตอบแทนดีเกินคาดไปมาก แต่เพียงแค่นี้ ผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ตก็ดีมากแล้ว

    คนเราเคยชินกับโลกแบบ Certainty แต่ในโลกของธุรกิจนั้นเป็นเรื่องของ Probabilty ครับ

    นักธุรกิจส่วนใหญ่ ในวันที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เขาไม่ชัวร์​ 100% หรอกครับ เพราะถ้าจะรอให้ชัวร์ 100% ถึงจะทำ รับรองว่าไม่ต้องทำอะไรเลยแน่

    แต่่แล้วทำไมนักธุรกิจถึงเป็นอาชีพที่รวยที่สุดในสังคม ในขณะที่มนุษย์เงินเดือนมีรายได้แน่นอนกลับไม่รวย ทำไมพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ชัวร์ที่สุดถึงให้ผลตอบแทนที่ต่ำที่สุดในบรรดาสินทรัพย์ทั้งปวง

    การคิดถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในโลกของการลงทุนครับ

  10. เห็นกราฟของ BANPU แล้ว….ซี้ด…เลยค่ะ
    แสดงความหมายของคำว่า “ศักยภาพ” ได้ชัดเจนมากค่ะ
    หวังว่า บ้านปูจะเติบโตได้ดีต่อไปในอนาคตอีกนะคะ อยากเห็น
    บริษัทไทยเป็นบริษัทข้ามชาติที่แข่งแกร่ง แข่งขันได้ในระดับโลกค่ะ

  11. ข้อมูลกราฟสำเร็จรูปถึง สิบปีเเบบนี้ ไม่ทราบเราจะหาข้อมูลมันได้จากที่ไหนเหรอครับ

    หรืออันนี้พี่ทำขึ้นด้วยตัวเอง ผมว่ามันมีประโยชน์มากเลย

    1. ผมเอาข้อมูลดิบจาก setsmart มาสร้างกราฟด้วย excel ครับ

  12. ขอบคุณครับ พอจะขยายความคำว่าศักยภาพของการเติบโตได้อีกมั้ยครับ ผมเข้าใจว่ามันคือ demand trend และ ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน(DCA) อย่างนี้ถูกต้องมั้นครับ

  13. ติดตามหนังสือคุณนรินทร์เกือบทุกเล่มครับ พอดีส่วนตัวผมก็ซื้อเฉลี่ยว Major อยู่เหมือนกันเลยอยากจะให้ช่วยวิเคราะห์ว่าในระยะยาวแล้ว ตัวนี้ยังมีโอกาศเติบโตบ้างหรือเปล่าครับ

  14. เป็นบทความที่เยี่ยมยอดอีกบทความนึงครับ เห็นภาพชัดเจนมากเลย ขอบคุณด้วยคนครับ 🙂

  15. ข้อมูล setsmart นี่ต้องซื้อหรือยังไงครับ ผมดูมันมีย้อนหลังแค่ 5 ปี
    10 ปี นี่พี่หาจากไหนครับ คือว่าต้องการหาข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยเหมือนกันครับ

  16. สงสัยนิดนึงครับพี่สุมาอี้ว่าตกลงต้องเอารายได้มาดูย้อนหลังเหรอครับ ผมนึกว่าต้องเอากำไรหรือกำไรต่อหุ้นมาดูซะอีก

  17. จะดูกำไรก็ได้ครับ

    แต่เวลาตรวจ growth ผมชอบดูรายได้มากกว่า เพราะกำไรมักเป็นสิ่งที่เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงในระยะสั้น เพราะมันเป็นบรรทัดสุดท้าย ปัจจัยจึงเยอะ ทำให้เห็นแต่ noise ซะเยอะ ไม่ค่อยเห็น signal

    ในระยะสั้น รายได้กับกำไรอาจไปคนละทางได้ แต่ระยะยาวๆ เช่นสิบปี ถ้ารายได้ยังเป็นขาขึ้น ยังไงๆ กำไรก็ต้องไปในทางเดียวกันแน่นอนครับ แค่ผันผวนมากกว่า จะลองไปเอามาดูก็ได้ครับ

  18. pituck jirattivongvibul

    พฤหสับดีที่๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ สวัสดีครับ ผมอายุ๕๖ปีเดือนนี้(กค๕๔) จบสัตวบาล-มช.ปี๒๕๒๑ได้งานทันทีที่CP FEEDMILL -ลำพูนทำงานที่นี้๖ปี รุ่นพี่ชวนลาออกไปตั้งบริษัทสินเกษตรอุตสาหกรรมโภคภัณฑ์ จก.ที่ลำพูนอีกเช่นกันทำงานที่นี้๑๗ปีลาไปทำงานที่ประเทศจีน ๒ปี๔เดือน ลากลับไทย ปัจจุบันดูแลเขียงหมูที่ตลาดสดเทศบาลลำพูน๑(หนองดอก)ขายเนื้อหมูวันละ๑๐-๑๒ตัว รวมทำงานด้านปศุสัตว์(หมู,ไก่ไข่,ไก่เนื้อ)๓๓ปี ระยะ๒ปีมานี้ผมพยายามจะหาอาชีพที่เหมาะสมยามแก่ที่สามารถมีรายได้ช่วยเหลือตัวเองได้กล่าวคือขอมีรายได้สัก ๒-๓หมื่นบาทต่อเดือนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนี้ได้ไหม? สิ่งแรกที่ผมตั้งใจคือ ผมจะเริ่มต้นเรียนวิชาตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ชั้นอนุบาล ไป ประถม ไป มัธยม สุดท้าย ป.ตรี อย่างไรดีครับ? ใช้เวลาเรียนนานสักเท่าไรดี? ตอนนี้ผมเริ่มด้วยหนังสือของท่าน “85 ไอเดียการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย”อ่านเมื่อวันที่๑๗ถึงวันที่๒๑วันนี้ไปได้๑๒๘หน้าแล้ว มีความรู้สึกดีๆต่อตลาดหุ้นไทยขึ้นมามากๆจนอยากจะเริ่มลงทุน แต่ผมมีความศัทธาต่อวิชาเฉพาะทาง ความชำนาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์เฉพาะทาง จึงจะสามารถฝ่าอุปสรรคได้ดี. ความรู้พื้นฐานควรเป็นอย่างไรดี? อะไรดี? ที่ไหนดี? ใครดี? ( ผมอยู่ลำพูน ) ที่เชียงใหม่มีสถาบันซื้อขายหุ้นไทยเขาจะสอนให้ใช่ไหม่ครับ ดีไหม?เช่น หลักทรัพย์กสิกรไทย เป็นต้น ตอนนี้ผมชักจะเมากับการเริ่มต้มจริงๆ ขอรบกวนท่านชี้แนะด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

  19. กูรูหลายท่านให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่ารายได้ โดยมองว่ารายได้หรือยอดขายที่ไม่ทำให้เกิดกำไรนั้นไม่มีประโยชน์ และแม้ยอดขายไม่โตแต่บริษัทสามารถทำอัตรากำไรได้สูงขึ้นก็ถือว่าดี

    แต่โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับการดูรายได้นะครับ เพราะโดยหลักแล้วกำไรก็ควรมาจากรายได้หรือยอดขายนั่นเอง และการ squeeze กำไรออกมาจากยอดขายที่ไม่โตก็คงทำได้ไม่ตลอดไป สู้ยอดขายที่เติบโตไม่ได้ เพราะนั่นแสดงว่าตลาดหรือส่วนแบ่งตลาดของบริษัทมีการเติบโต แต่ก็นานาจิตตังครับ

    1. ใช่ครับ ในระยะสั้นกำไรผันผวนมากกว่ารายได้ การมองแต่กำไรจะทำให้เรามองแต่ระยะสั้น และมองไม่เห็นภาพใหญ่ของธุรกิจเลยครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *