7thLTG กำลังจะครบ 3 ขวบในเดือนกันยายนนี้แล้ว ถืงตอนนั้นจะได้สรุปผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปีที่ 3 ให้ดูกันอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ขอลองทบทวน growth potential ของหุ้นแต่ละตัวดูหน่อยว่า ยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อไปได้อีกหรือไม่ Once in a while นักลงทุนแนว Growth ควรทำแบบนี้สักหนนะครับ เช่น ปีละหน เป็นต้น แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดก็คืออินเตอร์เน็ตนั่นแหละครับ ลองเสิร์ชดูความคืบหน้าล่าสุดว่าบริษัทนั้นๆ กำลังทำอะไรบ้าง จะโตไปอย่างไร และตัวเลขต่างๆ ล่าสุดของธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
BGH – ผบห.ให้สัมภาษณ์ว่า ต่อไปนี้จะยังเปิด รพ.ใหม่ ปีละ 3-4 แห่ง โดยเป็นได้ทั้งการสร้างใหม่และการซื้อกิจการ โดยขยายเป้าหมายทางธุรกิจให้ออกไปยังภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ organic growth ก็ยังมีอยู่ที่ 20% สำหรับคนไข้ต่างชาติ และ 13% สำหรับคนไทย d/e ratio ก็ยังไม่สูงน่าจะมีเงินซื้อกิจการต่อได้อีก ดังนั้นจึงน่าจะเติบโตต่อไปได้อีก ข้อเสียตอนนี้คือราคาหุ้นที่แพงลิ่ว แต่ผมว่าสมัยก่อนตอนที่มันราคาแค่ 30 บาท เราก็เคยรู้สึกมันว่ามันแพงไปเหมือนกัน พีอีในตารางหุ้นที่ดูสูงอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งหลอกเราเหมือนกันเพราะทำให้เรายอมไม่ดู growth ประกอบ สรุปแล้ว ถ้ายังโตได้ ก็เก็บไว้ก่อนเถอะ
CPN – ช่วงนี้ใช้วิธีโตด้วยการเริ่มขยายธุรกิจไปยังจังหวัดรองๆ เช่น สุราษฎร์ธานี ลำปาง อุบลราชธานี รวมไปถึง เชียงใหม่แห่งที่สอง ซึ่งผมว่าน่าจะเปิดได้อีก เพราะเซ็นทรัลเริ่มไปจังหวัดรองๆ ช้ากว่าค้าปลีกตัวเล็กๆ ตัวอื่นเสียด้วยซ้ำ ส่วนในระยะกลางก็ยังมีสวนลุมไนท์อีก นอกจากนี้ในความเห็นส่วนตัว ผมว่าชานเมืองกรุงเทพก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพที่จะเปิดเซ็นทรัลเพิ่มได้อีก ดูแล้วก็ยังน่าจะเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ต่อไปเหมือนกับ 20 ปีที่ผ่านมาที่โตมาโดยตลอด
PS – ตัวนี้เริ่มห่วงๆ การเติบโตในระยะกลางเหมือนกัน เพราะการเติบโตไปต่างประเทศกว่าจะเห็นผลน่าจะเป็นระยะยาว ทำให้ระยะกลางการเติบโตอาจจะดูโหว่ๆ ได้ เพราะยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากรุงเทพจะเป็นฐานให้ PS เติบโตได้เยอะขนาดไหน แต่ยังไงในระยะกลางก็คงมีการเติบโตจากต่างจังหวัดมาเสริมได้บ้าง ตัวนี้คิดว่ายังขอรอดูท่าทีต่อไปก่อน เพราะทั้งธุรกิจที่มีอยู่เดิมและราคาหุ้นก็ดูเหมือนจะยังไม่กลับมาเต็มที่ น่าจะยังมี upside ของ old business เหลืออยู่ จึงยังไม่ใช่เวลาที่ควรขายในตอนนี้ (ความเห็นส่วนตัว ออกแนวเดาๆ)
HMPRO – มีข่าวว่าการเติบโตเริ่มชะลอลงบ้าง แต่ก็ยังเป็นอัตราที่สูงอยู่ถ้าเทียบกับธุรกิจอื่นโดยทั่วไป ทั้งการเปิดสาขาในจังหวัดรองๆ ที่ยังทำได้อยู่ (เหตุผลเดียวกับ CPN) และการเพิ่มสินค้า house brand ซึ่งยังไม่เต็มศักยภาพ (ตอนนี้อยู่ที่ 20% ของสินค้าทั้งหมด แต่ในต่างประเทศเค้าทำได้ถึง 33%) จึงน่าจะยังมีรูมในการเติบโตได้อีก จากประสบการณ์ส่วนตัวที่สนใจตัวนี้มานาน (ในพอร์ตส่วนตัว) พบว่า การเติบโตของ hmpro นั้นมาเป็นยุคๆ บางช่วงการเติบโตอาจจะสะดุดไปเลย แต่ไม่ได้แปลว่าโตไม่ได้อีกต่อไปแล้ว สักพักหนึ่งก็จะกลับมาโตได้ใหม่ เป็นเช่นนี้สลับกับมานานหลายยุคหลายสมัย จึงไม่ควรตื่นตระหนกกับระยะสั้นเกินไป ส่วนเรื่ิองไปต่างประเทศผมยังไม่ให้นำ้หนัก เพราะคิดว่าคงต้องใช้เวลาตั้งไข่อีกนานพอควร
MINT – ตัวนี้ก็ยังห่วงๆ เรื่องโรงแรม เหมือนที่เป็นมาตลอด เพราะภาวะ oversupply ในกทม.ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะหาย แต่ก็คิดว่าธุรกิจโรงแรมก็เพิ่งฟื้นตัว จึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะขายหุ้นแต่อย่างใด ขอรอดูโรงแรมในช่วงต่อไปก่อน ส่วนอาหารนั้นคิดว่าการเกิดขึ้นของห้างและคอมมูนิตี้มอลล์อย่างมากมายในเวลานี้จะเป็นแฟลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทำให้ MINT ในการขยายสาขาโดยไม่ต้องเหนื่อยสร้างห้างเอง เพราะฉะนั้นยังไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
BANPU – ตัวนี้ยอมรับว่าเหนื่อยครับ ที่จริงผมคิดว่าการที่บริษัทตัดสินใจกลับมาทำถ่านหินเต็มตัวยังเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่ แต่ว่าดันมาซวยเพราะมีเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า shale gas ที่เข้ามาเปลี่ยนพื้นฐานของธุรกิจพลังงานโลกไปอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นเรื่องที่เกิดความสามารถที่ใครจะคาดคิดล่วงหน้ามาก่อนได้ การที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวในช่วงต่อไปจะย่ิ่งทำให้ความต้องการใช้พลังงานไม่ได้เพิ่มขึ้นเร็วอย่างที่เคยคาดคิดกัน และจะยิ่งซ้ำเติมราคาพลังงานในอนาคตเข้าไปอีก ตัวนี้ยอมรับว่าเป็นตัวซวยของพอร์ตนะครับ แต่คิดว่ายังเป็นบริษัทที่มีการจัดการที่ดีเยี่ยมอยู่ บริษัทน่าจะดิ้นรนหาวิธีที่จะกลับมาเติบโตได้ใหม่ (รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจ shale gas ในอนาคต ก็ไม่เกิดศักยภาพของบริษัท) แต่อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย
DCC – ตัวนี้เป็นน้องใหม่ ปีนี้เจอผลกระทบเรื่องรัฐบาลขึ้นค่าแก๊สแบบเป็นขั้นบันไดไปเต็มๆ แม้ว่าช่วงท้ายๆ จะพอได้หายใจหายคอกันบ้าง เนื่องจากรัฐบาลออกมาเบรคแผนการขึ้นราคาไว้ก่อน แต่ก็ถือว่ากระทบไปเยอะ เพราะเป็นต้นทุนที่สำคัญมากของการผลิตกระเบื้อง แม้ว่าบริษัทจะพยายามวางแผนลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้เท่ากับค่าแก็สที่สูงขึ้น แต่ก็ใช้เวลาลดต้นทุนนานกว่าที่ได้วางแผนไว้ ปีนี้เลยเป็นปีที่รับไปเต็มๆ ครับ แต่ปีถัดๆ ไปก็ยังคิดว่า บริษัทก็ยังน่าจะโตตามแผน 5 ปีของบริษัทได้อยู่ โดยการขยายสาขา และการเพิ่มกำลังการผลิตโดยไม่ต้องเพิ่มสายการผลิตใหม่ ซึ่งจะทำให้ทั้งรายได้และมาร์จิ้นโตขึ้น ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น 10-15% ต่อปีแบบต่อเนื่องได้อยู่ครับ
สรุปแล้ว ยังไม่พบหุ้นตัวไหนในพอร์ตที่คิดว่าหมดคุณสมบัติหรือมีปัญหาร้ายแรงขนาดที่จะต้องถึงขั้นเปลี่ยนออก จึงคิดว่าในปีที่ 4 เราน่าจะยังคงโตไปกับทั้ง 7 ตัวนี้ตามเดิมนะครับ
ชอบประโยคที่ว่า “ตัวนี้เป็นตัวซวยชองพอร์ต” ครับ ฮาดี
ผมยังมีทัศนคติที่ดีกับ BANPU อยู่ครับ หรืออีกนัยหนึ่งคือยังเชื่อมั่นอนาคตถ่านหิน และยังเชื่อมือการบริหารจัดการของเค้าด้วย
BLA ยังคงไว้ในพอร์ท เชื่อว่าประกันชีวิตจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของการออมระยะยาวแทนที่การฝากเงินที่ลดความคุ้มครองเงินต้น
7 ตัวตอนนี้ ให้น้ำหนักบ้านปูน้อยที่สุดใช่มั้ยครับ ในแง่ศักยภาพการโตในอนาคต?
ไม่อยากใช้คำว่าโตได้น้อยที่สุด แต่ใช้คำว่า ต้องใช้เวลาปรับกระบวนทัศน์นานกว่าจะกลับมาเข้าที่เข้าทาง แบบเดียวกับ MINT ในช่วงก่อนหน้านี้ครับ
วิเคราะห์ได้เฉียบขาดครับ
ผมอยากให้ พี่ นรินทร์ แต่ง หนังสือ แนว passive investment หรือ index investing ที่ อิง สมมุตืฐาน (EMH) efficient market hypothesis ตลาดทุนมีประสิทธิภาพ ที่ พัฒนามา จาก ศาสตรจารย์ eugene fama และ ต่อมาได้รับการ พัฒนาต่อเนื่องมาเป็น FAMA FRENCH THREE FACTOR MODEL ที่นํามาประยุกต์ใช้โดย กองทุน Dimensional fund advisor และถ้าใช้ร่วมกับ asset allocation เช่น stock bond and property etc. ผมคิดว่าวิธีนี้หน้าช่วยนักลงทุนจํานวนมาก ที่ไม่มีเวลาเพียงพอสําหรับศึกษาหุ้นรายตัวของธุรกิจใดๆ หรือ ที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงเกินความจําเป็นและต้องการลดต้นทุนของการลงทุนระยะยาวลง
พี่มีความเห็นว่า อย่างไรบ้างครับ
Superb!x
เคยคิดว่าจะเขียนอยู่เหมือนกันครับ แต่ยังมีเนื้อหาไม่มากพอที่จะให้เป็นเล่มพอดีได้ ก็เลยยังไม่ลงตัว สงสัยมันเป็นวิธีลงทุนที่ทำได้ง่ายเกินไป จนไม่ค่อยมีเนื้อหา เหอๆ
เหมาะสมสำหรับคนเน้นเติมทุกเดือน ขอบคุณมากครับ
สำหรับ Homepro ควรติดตามแรงกระแทกของ ไทวัสดุ ด้วยครับ เพราะมาแรงทั่วประเทศ แย่งแชร์โฮมโปรตรงๆ Global ยังไม่น่ากลัวเท่าตัวนี้
ผมมีบ้านปูอยู่เช่นกัน ขาดทุนอยู่บ้างไม่มาก ก็ยังหวังอยู่ว่า ถ่านหินจะกลับมาได้ จะถึงขั้นเลิกใช้ถ่านหินไปเลยแล้วไปใช้แก๊ส มันเหลือเชื่อมากนะครับ ส่วนDCC ผมกังวลกับแผนขายผ่านหน้าร้านตัวเองอย่างเดียว มันจะเวิรค์ไหมครับ สู้ยอมเอากำไรน้อยลงหน่อย แต่หาพันธมิตรช่วยขายเป็นพวกโมเดิรนท์เทรดจะเพิ่มยอดขายดีกว่าหรือเปล่า แต่ยังไม่ทิ้งหุ้นเช่นกันครับ
ขอบคุณครับ
แล้วเรื่องคดีของบ้านปูตอนนี้พวกพี่ๆคิดว่ายังไงบ้างครับ จะมีผลต่อราคาหุ้นในอนาคตหรือเปล่า?
ขณะนี้ทางภาคการผลิตไฟฟ้ายังคงผลักดันถ่านหินครับ เพียงแต่ต้องเฝ้าคอยดู NGO ว่าจะประท้วงกันด้วยเหตุด้วยผลหรือป่าว อย่างไรก็ดี ยังหวังลึกๆ ว่า รัฐบาลจะผลักดันให้โรงไฟฟ้าถ่านหินดำเนินการได้ด้วยดีครับ
ทางภาคการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซ ตอนนี้ปาเข้าไปจะ 80% ของทั้งหมดแล้ว ซึ่งถือว่า วิกฤติ แล้วครับ ถ้ายังไม่ดำเนินการกระจายความเสี่ยงในการส่วนของเชื้อเพลิง
ปี 2013 นี้แล้ว อยากให้พี่โจ้กช่วยทำ mileage checkup 2013 และวิเคราห์แบบนี้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
mileage checkup 2013 ที่จริงเขียนเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะสลับมาลงก่อนก็ได้ครับ