หัวหน้างานที่เก่งจะสร้างสภาวะแวดล้อมของการทำงานให้ลูกน้องมีความรู้สึกว่า กดดันนิดๆ กล่าวคือมีความเครียดอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้มากเกินไป และในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ปล่อยให้ลูกน้องรู้สึกสบายเสียจนไม่มีความกดดันอะไรเลย
เพราะคนเรามักทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ในสภาวะที่มีแรงกดดันนิดๆ
คล้ายๆ กับว่า คนเราต้องการปัจจัยภายนอกบางอย่างมาคอยกระตุ้นให้เราทำงานได้ดีด้วย หากปล่อยให้ปราศจากแรงกระตุ้นใดๆ จากภายนอกโดยสิ้นเชิงแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตัวเองในการบังคับตัวเองให้ทำงานล้วนๆ คนเรามักทำงานได้น้อยกว่าศักยภาพที่ตัวเราเองมีอยู่ค่อนข้างมาก
ต่อให้เป็นงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเช่น งานแต่งนิยาย ก็เถอะ บ่อยครั้งนักเขียนที่มีชื่อเสียง ก็ยังต้องพึ่งพา Deadline จากสำนักพิมพ์ เพื่อช่วยกระตุ้นตัวเขาเอง ให้สามารถคลอดผลงานที่อยู่ในหัวออกมาเป็นชิ้นสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง
ถ้าเราอยากมีความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา ต้องรู้จักหาวิธีสร้างแรงกดดันให้ตัวเอง ความเครียดในระดับที่เหมาะสมแท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ราวกับเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้เรา ผมมีความเชื่ออย่างยิ่งว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะสบายให้มากที่สุด แต่คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้และเติบโตไปเรื่อยๆ ที่จริงแล้วอาจพูดได้ว่าคนเราเกิดมาเพื่อได้ทำงานเสียด้วยซ้ำ
ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าเราเลือกทำตามใจตัวเองหมดทุกอย่าง อยากกินอะไรก็กินเลย สุดท้ายแล้ว เราก็จะทรมานกับการเป็นโรคต่างๆ ในที่สุด ชีวิตที่ดีกลับเป็นชีวิตที่ต้องลำบากนิดหน่อย นั่นคือ กินของโปรดได้บ้าง แต่ต้องควบคุมอาหารด้วย แถมยังต้องออกกำลังเป็นประจำ หากต้องการเป็นคนที่มีสุขภาพดี ห่างไกลโรคร้ายเมื่อเข้าสู่วัยชรา ชีวิตที่ดีจึงเป็นชีวิตที่อยู่ตรงกลางๆ ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองไปทั้งหมด
ไลฟ์สไตล์ที่ดีมันต้องเป็นแบบที่มีการวางแผน มีการยอมลำบากในบางเรื่องในวันนี้เพื่อจะได้สบายในวันหน้า ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองทุกอย่าง
คนรุ่นเสื่อผืนหมอนใบสมัยก่อนนั้นสามารถกลายเป็นเจ้าของกิจการกันได้อย่างมากมาย เป็นเพราะในสมัยที่พวกเขาเข้าสู่วัยทำงานนั้น งานประจำยังเป็นสิ่งที่หายากมาก ถ้าหากไม่ลงทุนทำมาหากินอะไรสักอย่างด้วยตัวเอง ก็คงต้องอดตายเป็นแน่ การที่พวกเขามีทางเลือกน้อย ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องเริ่มต้นทำธุรกิจ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันเสี่ยง และเมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องเริ่มต้น ก็เลยประสบความสำเร็จได้ ต่างจากคนสมัยนี้ที่หางานประจำทำได้ง่ายมากๆ เรียนจบแล้วไปสมัครงาน มีงานประจำแล้วก็มีเงินใช้ทุกเดือน จะไปเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ให้เสี่ยงมีรายได้แบบลุ่มๆ ดอนๆ ไปทำไม พอขาดแรงกระตุ้นในการก่อร่างสร้างธุรกิจ ก็เลยทำให้คนสมัยนี้ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จกันได้น้อยลงเมื่อเทียบกับคนสมัยก่อน
การทำงานในองค์กรสมัยนี้ก็เช่นกัน การที่พนักงานทำงานอยู่กับองค์กรนานๆ เช่น ตลอดชีวิต อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปทั้งต่อตัวองค์กรและตัวพนักงานเอง องค์กรที่เต็มไปด้วยพนักงานที่อยู่มานานมากๆ บางทีก็เต็มไปด้วยการเมืองภายในออฟฟิศ เพราะคนที่อยู่มานานมากๆ จะ “เขี้ยวลากดิน” รู้ว่าอะไรเป็นอะไรในองค์กรจนยึดหัวหาดไว้หมด ทำให้คนใหม่ๆ เข้ามาแล้วอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน พนักงานที่อยู่กับองค์กรมานาน แม้ว่าจะทำให้สบายขึ้น เพราะกลายเป็นคนเก่าคนแก่ รู้งานมากกว่าคนอื่น แต่บางทีก็ทำอะไรซ้ำๆ ก็ทำให้ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เป้าหมายขององค์กรสมัยใหม่จึงไม่ใช่ทำอย่างไรให้พนักงานอยู่กับองค์กรให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แต่คือทำอย่างไร พนักงานทุกคนถึงจะได้ใช้ศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ได้อย่างเต็มที่มากที่สุดในช่วงเวลาที่เขาทำงานกับองค์กร ซึ่งไม่ใช่ตลอดชีวิต
คนทำงานก็เหมือนกัน ถ้าหากทำงานที่ไหนนานๆ แล้วรู้สึกว่าขาดแรงกระตุ้น หรือไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้ บางทีก็ถึงเวลาที่ควรจะลาออกไปหางานใหม่ที่ท้าทายมากกว่าเช่นกัน หรือเรียกว่าเป็นการออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง ถึงแม้ว่าที่ทำงานใหม่จะมีความมั่นคงน้อยลง เพราะว่าเป็นที่ทำงานใหม่ และมีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ถนัดเพราะไม่เคยทำมาก่อน แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแรงกระตุ้นที่จำเป็นที่จะช่วยให้เราเป็นคนที่พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
2 ปีก่อนผมก็ลาออกมาจาก ComfortZone เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆให้กับชีวิต
ตอนนี้เริ่มอยากกลับไปอยู่ ComfortZone แล้วสิเนี่ย เริ่มทนความกดดันไม่ไหวแล้ว 555
555 เหมือนกันเลยคับ ตั้งแต่ทำงานมานี่ ไม่เคยได้เจอ comfort zone เลย
พี่ที่ทำงานเก่าคนหนึ่งเคยบอกว่า การย้ายงานไม่ใช่ย้ายจากนรกไปสวรรค์ แต่เป็นแค่การย้ายจากนรกขุมหนึ่งไปอีกขุมหนึ่งเท่านั้น แค่เราทุนอะไรได้หรือไม่ได้มากกว่ากัน (กระทะทองแดง หรือต้นงิ้ว) 555
ผมว่าได้เปลี่ยนขุมดีกว่าอยู่แต่ขุมเดิมนะครับ อย่างน้อยก็ได้เจอประสบการณ์หลากหลายขึ้น ไม่ใช่เจอแต่พวกวิญญาณที่เป็นชู้กับเมียชาวบ้านอย่างเดียว(กรณีอยู่ขุมต้นงิ้ว)…สงสัยตัวเองกำลังจะเปลี่ยนขุมเลยพยายามคิดบวกอยู่ ฮ่าๆ
งานเก่าๆ เดิม ทำให้ ไม่ค่อยเกินความสร้างสรรค์ เมื่อคนเรามีศักยภาพ มากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น จากงานที่เก่า แต่ ที่เก่า ไม่สามารถ ให้เราใช้ ศักยภาพ ได้เต็ม ก็ควรหางานที่เหมาะสม กับเรา เพื่อพัฒนาตัวเราต่อไป
แหะ แหะ ตรงชีวิตอีกแล้ว ผมทำงานที่ปัจจุบันมาแล้ว 10+ปี “จนกลายเป็นคนเก่าคนแก่ รู้งานมากกว่าคนอื่น ..ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ” หัวหน้าจะย้ายให้ไปทำอีกงานที่ไม่เคยทำ ก็กลัวไม่ยอมออกจาก confort fone เช่นเดียวกับการลงทุน เพราะมีรายได้ประจำค่อนข้างเยอะ เลยไม่มีแรงผลักดันให้ขยัน ซื้อตามใจตัวเอง ผลตอบแทนก็ล้อตลาด รู้งี้ก็ต้องลาออกไปลงทุนดีกว่า มีลูกคอยเป็นแรงผลักดันว่าจะมีตังค์พอค่าเรียนหนังสือหรือเปล่า ฮ่า เอาจริงไม่กล้าหร้อก
เป็นบทความที่ดี คนเก่าแก่ถึงได้บอกว่า คนรุ่นที่สอง จะสบายที่สุด แต่รุ่นที่สาม จะอดตาย เพราะรุ่นที่สองจะใช้ชีวิตบทกองเงินกองทองที่คนรุ่นที่หนึ่งสะสมหามา เพื่อเลี้ยงดูคนรุ่นที่สาม แต่ลืมไปว่า คนรุ่นที่สามจะกลายเป็นดูแลเงินทอง สมบัติของคนทั้งส องรุ่นก่อนหามาไม่เป็น ใช้เป็นอย่างเดียว