John Paulson โด่งดังเป็นพลุแตกในช่วงที่เกิดวิกฤตซับไพรม์ เพราะเขาคือ hedge fund manager ที่ซื้อสัญญาขายล่วงหน้า subprime mortgage เอาไว้ก่อนที่จะเกิดวิกฤตพอดี ทำให้เขาสร้างผลกำไรให้กับกองทุนของเขามากถึง $3.7 billions ทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นกูรูหุ้นผู้หยั่งรู้อนาคต
แต่ปัญหาก็คือว่า เมื่อเรารู้ว่า Paulson เป็น fund manager ที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ แล้วเราก็นำเงินของเราไปลงทุนใน hedge fund ของเขาในปีถัดๆ ไป เพราะมั่นใจในความสามารถของกูรู เราจะพบกับความผิดหวังในที่สุด เพราะหลังจากนั้น Paulson ก็ทำผลงานได้ไม่ดีนัก เขาขาดทุนอย่างหนักจากการหุ้นสถาบันการเงินในสหรัฐฯ หลายตัว ที่จริงมันไม่ใช่แค่ไม่ดีธรรมดา แต่มันแย่มากขนาดติดอันดับ 10% สุดท้ายของ hedge fund ที่มีผลตอบแทนต่ำที่สุด ติดต่อกันอีกหลายปีหลังจากนั้น
ปี | ผลตอบแทนของ Paulson | Benchmark (S&P500) |
2007 | 51.7% | 5.6% |
2008 | 6.3% | -37% |
2009 | 6.1% | 26% |
2010 | 11.7% | 15% |
2011 | -36% | 2% |
2012 | -14% | 13% |
2013 | (ขาดทุนหนักจากทองคำ) | ??? |
เรื่องนี้บอกอะไรเราได้หลายอย่าง ในตลาดหุ้น ไม่มีใครคิดถูกตลอดเวลา แต่เรามักจะเชื่อว่าวิธีการเล่นหุ้นที่ง่ายที่สุดคือ ต้องหาให้เจอว่า ใครเป็นกูรูที่เลือกหุ้นถูกตลอดเวลา แล้วคอยลงทุนตามคนนั้น ที่จริงแล้ว Paulson เองอาจเป็นเพียงแค่นักการพนันที่ชอบ bet อะไรครั้งละมากๆ (ทุ่มสุดตัวในครั้งเดียว) แล้วบังเอิญว่ามีครั้งหนึ่งที่เขา bet ถูก ก็เลยทำให้เขากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดขึ้นมา แต่ในครั้งต่อๆ ไป เขาก็ไม่สามารถใช้วิธีเดิมได้อีก เพราะไม่มีใครที่คิดถูกตลอดในตลาดหุ้น ในปี 2012 นั้น เขาซื้อทองคำมากถึง 80% ของพอร์ต แต่ทองคำกลับเป็นขาลงอย่างมากในปีถัดมา ทำให้ผลตอบแทนของเขากลายเป็นแย่ที่สุดไปเลย
ข้อคิดอีกประการหนึ่งก็คือ บางทีคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนจริงๆ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ได้ผลตอบแทนรายปีเป็นตัวเลขสูงๆ แต่คือคนที่รักษาผลตอบแทนให้มีเสถียรภาพได้ กล่าวคือ ไม่เคยขาดทุนหนักๆ เพราะไม่เคยต้องเสี่ยงมากเกินไป เพื่อหวังให้ได้ผลตอบแทนล้ำหน้ามากๆ และบางทีการทำนายอะไรล่วงหน้าหรือคิดถูกตลอดเวลานั้นอาจไม่สำคัญเท่ากับความสามารถในการรับมือกับความไม่แน่นอน
แบบนี้จะเข้าข่ายแแบบที่ นาซิม ทาเลบ เขียนไว้ในหนังสือ ,fool by randomness ที่ว่าบางคนก็แค่โชคดีรึป่าวครับ?
/ขอบคุณมากครับพี่โจ๊ก^^
บทความนี้อ่านแล้วเอาไปใช้กำหนดกลยุทธได้เรย
ขอบคุณพี่โจ๊กครับ
โอม
สุดยอดครับ เด๋วผมเอาไปเป็นตัวอย่างเตือนใจเวลาสัมมนา เวลาบอกว่าวอเรน บัฟเฟต กว่าจะดังไปทั่วโลกก็อายุมากแล้ว ต้องลงทุนยาวนานเป็น 40 ปี กว่าจะเกิดมหัศจรรย์กำไรทบต้น… คนเรียนไม่ค่อย get , เด๋วต้องยกตัวอย่างพวกชอบทุ่มเก็งหนักๆแล้วตูดขาดบ้าง อิอิ