ยังมี bias อีกชนิดหนึ่งในตลาดหุ้นที่ผมยังไม่ค่อยได้พูดถึงเท่าไร นั่นคือ Bandwagon Effect
ความลำเอียงชนิดนี้ หมายถึง เวลาที่คนส่วนใหญ่เลือกทำอะไรเหมือนๆ กัน เราก็จะมีแนวโน้มที่จะเลือกทำตามคนส่วนใหญ่ด้วย
ในทางจิตวิทยา อาจเป็นไปได้ว่า การที่เราทำอะไรเหมือนๆ คนส่วนใหญ่ ช่วยทำให้เรารู้สึกปลอดภัย อย่างน้อยก็ในเรื่องของความรู้สึก เพราะถ้าหากคนส่วนใหญ่เลือกผิด อย่างน้อยเราก็มีเพื่อนซวยด้วยกันกับเราอีกหลายคน แต่ถ้าเราเลือกต่างจากคนอื่นแล้วเราผิด เราจะผิดอยู่คนเดียว ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายมากกว่า
อย่างไรก็ตาม การเลือกตามคนส่วนใหญ่ก็อาจเป็นพฤติกรรมที่มีเหตุผลด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกับเรื่องอะไรก็ตามที่เราไม่รู้ หรือไม่มีข้อมูลมากพอที่จะตัดสินใจได้ เช่น เวลาเดินทางไปในย่านที่ไม่คุ้นเคย ถ้าเราไม่รู้ว่ารัานอาหารร้านไหนอร่อย เราก็อาจใช้วิธีสังเกตจากจำนวนลูกค้าในร้าน เราคงอยากจะลองร้านที่คนแน่นๆ แย่งกันเข้าคิวรอซื้อ มากกว่าร้านที่ไม่มีใครนั่งกินเลยทั้งที่ร้านอื่นๆ รอบข้างมีคนแน่นร้าน ซึ่งมันก็เป็นพฤติกรรมที่มีเหตุมีผลอยู่ไม่น้อย
ในตลาดหุ้นก็เหมือนกัน ในชั่วเวลาหนึ่งๆ มักมีหุ้นกลุ่มหนึ่งที่เป็นที่นิยมของตลาด และคนส่วนใหญ่ก็มีจะหุ้นชุดนี้อยู่ในพอร์ตกันหมด เรียกว่าเป็นหุ้นสามัญประจำพอร์ตของทุกคน นั่นคือ Bandwagon Effect กำลังทำงาน ยิ่งทุกคนซื้อหุ้นชุดเดียวกัน แรงซื้อก็ยิ่งมาก หุ้นก็ยิ่งขึ้น หุ้นยิ่งขึ้นก็ยิ่งทำให้มีคนอยากซื้อเพิ่ม หุ้นก็ยิ่งขึ้นไปได้อีก กลายเป็นปฎิกริยาป้อนกลับเชิงบวก การที่มนุษย์มี Bandwagon Effect อยู่ ทำให้ราคาหุ้นในตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวเป็นโมเมนตัม กล่าวคือ หุ้นยิ่งแพงก็ยิ่งแพงขึ้นอีก หุ้นถูกแล้วก็มักจะมีถูกกว่า
ถ้าคิดถึงเรื่องร้านอาหารแล้ว ดูเหมือนว่า การที่เราเลือกซื้อหุ้นตามคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่่องที่เลวร้ายนัก เพราะพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่สามารถบอกอะไรเราบางอย่างได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่าตลาดหุ้นมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากร้านอาหาร หรือพฤติกรรมทำอะไรตามๆ กันรูปแบบอื่นๆ นั่นคือ เวลาที่คุณเลือกกินร้านเดียวกันคนส่วนใหญ่นั้น การเลือกของคุณไม่ได้ทำให้ราคาอาหารในร้านนั้นแพงขึ้น คุณก็ยังได้ซื้ออาหารที่ราคาเดียวกันกับคนอื่น แม้ว่าคุณจะมาทีหลัง แต่ว่าสำหรับตลาดหุ้นแล้ว ยิ่งคุณมาทีหลัง คุณก็จะยิ่งต้องซื้อแพงกว่าคนอื่นไปเรื่อยๆ และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้การทำอะไรตามๆ กันในตลาดหุ้นนั้น อันตรายกว่าในตลาดสินค้าและบริการทั่วๆ ไป
ขอบคุณครับ
เห็นภาพชัดเจนอย่างยิ่งเลย แล้วพอจะมีวิธีบรรเทาพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีในการลงทุน
ดังกล่าวได้บ้างมั้ยครับ
สุดยอดครับบทความนี้ ตรงกับความเป็นจริงของตลาดมากเลย ทั้งขาขึ้นและขาลง วิธีแก้เบื้องต้น คือ การตั้งสติ และยึดมั่นในกรอบและวินัยการลงทุนของเราอย่างแน่วแน่ พอจะช่วยได้มั๊ยครับ
ขอบคุณครับ
ทุกวันนี้ชาวโลกบอกว่า”ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมากๆ” แต่ทำไมคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมี”เวลา” แต่อยากๆๆๆๆสารพัดเช่น บูรณาการกับญาติลูกเมียพ่อแม่,ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ,ต้องการรายได้เพิ่มให้ศึกษาค้นคว้าปรับปรุง ล้วนลงเอยว่าไม่มี”เวลา” ลงทุนในหุ้นจึงอยู่หน้าจอทีวี,เข้าอินเตอรเน็ต,โทรหาคนน่าเชื่อถือ..แล้วซื้อแล้วขายๆๆๆ เวลาได้ก็ดีใจสรรเสริญทั่วทิศ เวลาเสียก็หาผู้รับผิดชอบ ผมถูกให้สนใจตลาดหุ้นจากคุณภรรยา แล้วทำให้มารู้จักคุณสุมาอี้คนแรกและซื้อหนังสือมาอ่าน2รอบให้เข้าใจ(ก็ไม่อิน..มาใหม่ สมองช้า)จากนั้นซื้ออีกหลายเล่มประมาณ20เล่มหลายอาจาร์ย ลูกชายถามรู้เรื่องเทคนิคัลไหม พ่่อไม่รู้เลยตัดสินใจบินไปเรียนกับ อ.ปุยwave rider-S2M ตัวเลขสถิติมีให้ตัดสินใจ”เวลาเข้าลงทุน กับ เวลาออกจากลงทุน” ลงทุนระยะสั้นคือเก็งกำไร มีลงทุนระยะกลาง ระยะยาว ล้วนแต่ต้อง”มีเวลา”ให้กับการลงทุนทั้งสิ้น หากซื้อตามคนส่วนใหญ่ แสดงว่าคุณไว้ใจคนส่วนใหญ่”เงินของคุณ”ก็ฝากไว้กับคนส่วนใหญ่แน่นอน ผมซื้อ85ไอเดียการลงทุนเมื่ิ 3พย2554จนวันนี้เพิ่งจะเห็นแนวทางที่เป็นผมบ้าง ก็เพราะติดตามอาจาร์ยสุมาอี้ จึงขอขอบคุณมากๆที่ให้ความรู้ให้ประสบการณ์ที่มีคุณค่ายิ่ง
ขอบคุณครับ