Skip to content

325: ชัวร์ 100%

เวลาเราเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นใหม่ๆ เรามักจะยังมีความชินแบบเดิมๆ อยู่ หนึ่งในความเคยชินที่ว่าก็คือ  เวลาเราจะเลือกหรือตัดสินใจอะไรนั้น เราต้องการทางเลือกที่แน่นอนที่สุด หรือ ชัวร์ 100% นั่นเอง

ข้อสอบแบบปรนัย เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ปลูกฝังในเราคิดแบบนั้น ถ้าเราทำข้อสอบปรนัยมาตลอดชีวิต เราจะเคยชินกับความคิดที่ว่า คำตอบถูกมีแค่คำตอบเดียว เช่น ถ้าคำตอบถูกคือข้อ ข. คุณได้ 1 คะแนนเต็ม แต่ถ้าคุณตอบข้ออื่นๆ คุณจะได้ 0 หรือไม่ได้คะแนนเลย

เรื่องบางเรื่องอาจเหมาะที่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ เช่น ถ้าจะสร้างสะพาน จะคำนวณว่าจะต้องตอบเสาเข็มกี่ต้น อะไรแบบนี้ คำตอบควรจะเป็นอะไรที่ exact แต่เรื่องอีกหลายเรื่องในชีวิตจริง เป็นเรื่องที่ คำตอบถูกไม่ได้มีแค่คำตอบเดียว แต่อาจมีแค่คำตอบที่ถูกมากไปจนถึงถูกน้อยเรียงกันไปเป็น spectrum ตัวอย่างเช่น วิชาการตลาด ถ้าให้นักเรียนคิดแผนการตลาดให้ธุรกิจหนึ่งๆ คำตอบอาจมีได้มากมาย บางคำตอบมีเหตุมีผลฟังดูเข้าท่ามากกว่าบางคำตอบ แต่ไม่มีคำตอบไหนเป็นคำตอบที่ถูก 100% เพราะถ้าเอาแผนการตลาดเหล่านั้นไปใช้งานจริง มันยังต้องขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา ปัจจัยภายนอก และความไม่แน่นอนอื่นๆ อีก เพียงแต่คำตอบที่ดีกว่า จะมีโอกาสเป็นแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จได้มากกว่า คำตอบแทนที่ดีน้อยกว่าเท่านั้น

ผมว่าการลงทุนก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เข้าข่ายนี้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องตลกที่จะบอกว่าหุ้นตัวไหนจะวิ่งแน่ๆ ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า หรือมันเป็นเรื่องตลกที่จะบอกว่า บริษัทไหนผลประกอบการจะดีอย่างแน่นอนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า การที่เราวิเคราะห์ข้อมูลแล้วสรุปว่า หุ้น ABC เป็นหุ้นที่น่าสนใจนั้น มันเป็นได้เพียงแค่การสรุปว่า ABC น่าจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าที่จะให้ผลตอบแทนที่แย่ เท่านั้น แต่ไม่มีคำว่า ชัวร์ 100% เพราะปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อผลประกอบการของธุรกิจนััน อาจมีปัจจัยแค่ 50% เท่านั้นที่องค์กรหรือผู้บริหารควบคุมหรือบริหารจัดการได้ แต่ยังต้องมีปัจจัยอีก 50% ที่อยู่เหนือการควบคุมอีก เราจึงอาจคาดการณ์ได้เพียงแค่ 50% เท่านััน อีก 50% ยังต้องขึ้นกับสถานการณ์แวดล้อมอีก

แต่ด้วยความเคยชินของนักลงทุนที่ต้องการความแน่นอน ชอบอะไรที่ชัวร์ 100% บางทีเวลานักวิเคราะห์พูดแบบแบ่งรับแบ่งสู้ หรือพูดเป็น scenario นักลงทุนอาจจะรู้สึกรำคาญ เลยอยากให้นักวิเคราะห์ฟันธงออกมาเลยดีกว่า หรือบางที นักวิเคราะห์ก็พูดแบบฟันธงออกมาเอง แต่เข้าใจว่านักลงทุนเข้าใจอยู่แล้วว่า ทั้งหมดอยู่บนสมมติฐานของความไม่แน่นอนบางอย่างด้วย แต่นักลงทุนเข้าใจว่านักวิเคราะห์มองว่าหุ้นตัวนี้ชัวร์ 100% เพราะบางทีมันก็เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่นักลงทุนจะมองอะไรเป็น scenario หรือคิดว่าหุ้นตัวไหนดีหรือไม่ดีเป็น % เพราะเราไม่เคยถูกฝึกฝนให้คิดแบบนั้นมาตั้งแต่เล็ก แต่เราถูกสอนให้มองโลกนี้เป็นขาวหรือดำไปเลย เพราะว่ามันคิดง่ายกว่า

คนที่เคยชินกับการมองโลกเป็นขาวกับดำนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อหุ้นตัวเดียวทั้งพอร์ต หรือเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า “หุ้นเด็ด” มากเป็นพิเศษ เพราะในเมื่อมีหุ้นที่ชัวร์ 100% เราจะไม่ซื้อตัวเดียวเต็มพอร์ตไปทำไม

จริงๆ แล้ว อะไรก็ตามที่ชัวร์ 100% ในโลกการเงินนั้น เป็นสิ่งที่อันตรายมากที่สุดแล้ว เพราะเมื่อไรก็ตาม ที่เราเชื่อว่ามีอะไรที่ได้กำไรชัวร์ 100% เราจะทุ่มเงินทั้งหมดของเราไปที่ตัวนั้น (ขายบ้านมาซื้อได้เลย) และเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น เราก็จะสูญเงินของเราไปทีเดียวทั้งหมดเลย ต่างกับอะไรก็ตามที่ยังไม่ชัวร์ 100% เราจะยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ ทำให้เราไม่เอาเงินทั้งหมดที่มีอยู่ถมลงไปที่จุดเดียว เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น เราจึงยังไม่เจ็บตัวมากขนาดที่จะหมดตัวได้

คนที่ไม่เชื่อว่ามีอะไรที่ชัวร์ 100% ในตลาดการเงิน จะไม่มีวันหมดตัวครับ

22 thoughts on “325: ชัวร์ 100%”

  1. ขอบคุณมากและสวัสดีปีใหม่ครับ ได้ข้อคิดที่ดีอีกเช่นเคย

  2. สวัสดีปีใหม่ครับพี่สุมาอี้
    ประโยคสุดท้ายเด็ดสุดเลยนะครับ

  3. Wishing you good times, good health, good cheer, and a very Happy New Year !
    มอบแด่พี่โจ๊ก&แฟนคลับทุกท่านคะ ^___^

  4. ตลาดหุ้นไม่ีมีอะไรชัวร์ 100% แต่ว่าปีใหม่มีแน่ๆ 100% ขอให้ทุกท่านทั้งผู้อ่านและผู้เขียน สุข สดชื่น สมหวัง แข็งแรง บ้่านเมืองไปรอด ธุรกิจเบิกบาน(อย่างน้อยกในระยะยาว)

  5. ขอบคุณครับ และขอสวัสดีปีใหม่ต่อสมาชิกทุกท่านด้วยครับ

  6. สวัสดีปีใหม่คุณโจ๊ก และแฟนคลับทุกท่านค่ะ

    ” ขอให้มีความสุข ประสบความสำเร็จทุกๆด้านนะคะ “

  7. ขอบคุณพี่โจ๊กมากครับที่ถ่ายทอดความรู้ มุมมอง และประสบการณ์ในการลงทุนมาตลอดปี2556 ^/\^

    ปีใหม่นี้ขอให้พี่โจ๊กและเพื่อนๆนักลงทุนทุกๆท่าน
    มีความสุข สงบ ผ่องใสในจิตใจ และมีความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น และสำเร็จในการลงทุนนะครับ^^

  8. เห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับ พี่โจ๊ก

    ผมเองก็คิดเรื่องนี้เองมาสักพักเหมือนกัน เวลาเราได้ยินคำว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” จริงเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เราเพียงแต่รู้ว่าถ้าเราทำดี “โอกาส” ที่เราจะมีชีวิตที่ดี มีความสุขประสบความสำเร็จก็มากกว่าทำชั่ว แต่จะบอกว่าถ้าทำดีแล้วจะได้ผลตอบแทนแน่ๆ 100% คงจะได้พบแต่ความผิดหวัง

    แชมป์โลก Poker ยังไม่สามารถชนะทุก Hand ได้เลยแต่เค้ามีวิธี ที่พิสูจน์แล้วว่ามีโอกาสชนะมากกว่าคนธรรมดา ชนิดที่ว่าเอาใครไปเล่นด้วยก็หมดตัวแน่นอน

  9. หลังจากวันที่หุ้นลง 60 จุด มีนักลงทุนมาปรึกษาเรื่องหุ้นส่วนตัวเยอะมาก

    ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่า นักลงทุนจะรู้สึกว่าพื้นฐานของหุ้นแย่ลง หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลงเยอะๆ ซึ่งเป็นลักษณะของอาการจิตตก มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของเหตุผลนะครับ เวลามีข่าวร้ายแต่ราคาหุ้นแข็ง เราจะไม่ค่อยรู้สึกว่าพื้นฐานหุ้นไม่ด แต่ถ้าหากราคาหุ้นลงแรงๆ เราจะรู้สึกว่า พื้นฐานหุ้นไม่ดีไปด้วย ซึ่งที่จริงแล้ว พื้นฐานของหุ้นน่าจะส่งผลต่อความคิดของเราเกี่ยวกับราคาหุ้น มิใช่ราคาหุ้นส่งผลต่อความคิดของเราเรื่องพื้นฐาน

    ช่วงนี้อยากให้ตั้งสติกันให้ดีๆ ครับ คิดให้ดีๆ ว่า เราคิดว่าหุ้นพื้นฐานแย่ลง เพราะข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตัวหุ้นจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าราคาหุ้นลงเยอะ ทำให้เราจิตตก

    นักลงทุนจะตัดสินใจเก่งไม่เก่ง ก็วัดกันตรงนี้แหละ

  10. สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้โชคดีมีกำไรกันทุกคนนะครับปีใหม่นี้ และคงยังไม่สายไปนะครับที่จะHAPPY NEW YEAR

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *