GLOBAL ทำธุรกิจ modern trade วัสดุก่อสร้าง มีฐานที่มั่นส่วนใหญ่อยู่ในภาคอิสานและภาคเหนือ และมีพันธมิตรร่วมทุนรายใหญ่คือกลุ่ม SCG
จัดได้ว่า GLOBAL เป็น High Growth Stock ตัวหนึ่งของตลาดหุ้นไทย ปีที่แล้วรายได้เติบโตมากถึง 40% และยังมีแผนขยายสาขาปีละ 12 สาขาไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นอัตราการขยายสาขาที่มากกว่าในปัจจุบันที่ปีละ 7 สาขาเสียด้วยซ้ำ
การขยายสาขาที่มากขนาดนี้ ผู้บริหารมั่นใจว่า เป็นเพราะตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงห้าปีหลัง ผู้ซื้อไทยได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อตามร้านแบบเก่ามาซื้อจากห้างโมเดิร์นเทรดโดยสิ้นเชิงแล้ว ทำให้ห้างแบบนี้สามารถมีได้ทุกจังหวัด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีเงินทุนไปเปิดสาขาได้ก่อนคู่แข่ง โอกาสขยายตัวของธุรกิจนี้จึงยังเหลืออยู่อีกเยอะมาก ปัจจุบัน GLOBAL อยู่ในช่วงเพิ่งจะเริ่มต้นขยายไปยังภาคใต้และเขตปริมณฑลเท่านั้น
ในแง่คู่แข่ง มี MegaHome (by Homepro) และ ไทวัสดุ เป็นต้น แต่ไม่ได้น่ากลัวมากนัก เพราะพื้นที่ใหม่ๆ ยังเหลือให้ขยายสาขาได้อีกมากโดยไม่ต้องแย่งกัน และเป็นการที่โมเดิร์นเทรดโดยรวมกินส่วนแบ่งตลาดจากร้านแบบเก่าไปเรื่อยๆ มากกว่า ถ้าหากเป็นการเปิดในพื้นที่ที่ซ้ำกันนั้น ก็อาจทำให้ same store sale growth ต่ำลงบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้ยอดขายลดลง สังเกตได้จากที่ผ่านมา สาขาใหม่ทุกสาขาสามารถทำกำไร (หักค่าเสื่อมแล้วได้) เลยภายในเวลาหนึ่งปี จึงถือได้ว่ายังเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างดีทีเดียว
ธุรกิจนี้แข่งกันที่ความหลากหลายของสินค้า เพื่อให้เกิดบริการที่ครบวงจร สินค้าเฮ้าแบรนด์เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพราะช่วงสร้างความแตกต่างได้ดีกว่า และยังมีกำไรสูงกว่าด้วย ในขณะที่สินค้าแบรนด์ต้องขายในราคาที่ไม่สูงกว่าร้านอื่นเท่านั้น และ key success factor อีกอย่างหนึ่งคือการมี SG&A ที่ต่ำกว่า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการประหยัดต่อขนาด ซึ่ง ณ ตอนนี้ GLOBAL อยู่ในช่วงของการสร้าง Distribution Center เพื่อประหยัดต้นทุนขนส่งให้มากขึ้นอีก หรืออยู่ในจุดเดียวกันกับ HMPRO เมื่อห้าปีที่แล้ว จึงยังเหลือช่องว่างที่จะปรับปรุง SG&A ได้อีก รวมทั้ง Cash Cycle ก็ยังทำได้ไม่ถึงศักยภาพ ทั้งที่ทุกวันนี้ GLOBAL ก็คุม SG&A ได้ต่ำกว่า HMPRO อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเทียบพื้นฐานธุรกิจแบบเต็มศักยภาพแล้ว HMPRO จะดีกว่า GLOBAL เพราะว่า HMPRO ขายสินค้า Home Improvement เป็นหลัก แต่ GLOBAL ขายวัสดุก่อสร้างเป็นหลัก โดยพื้นฐานแล้ว อย่างแรกมี Gross Margin ที่สูงกว่ามาก ทำให้ธุรกิจถึงจุดคุ้มทุนได้ง่ายกว่า การเพิ่มสินค้า House Brand ก็ทำได้มากกว่าด้วย หรือแม้แต่ Cash Cycle ก็ดีกว่า เพราะเป็นเงื่อนไขฝากขายได้มากกว่า เป็นต้น ฉะนั้น หากเทียบ Valuation ที่จุดอิ่มตัวของธุรกิจแล้ว HMPRO ย่อมต้องมี Valuation ที่สูงกว่า แต่ ณ เวลานี้ GLOBAL ยังมีราคาที่สูงกว่าเพราะอัตราการเติบโตของยอดขายที่ยังสูงกว่าอย่างชัดเจน (40% vs17%)
จุดเด่นของ GLOBAL ประการหนึ่งคือ มีหนี้ระยะยาวต่ำ ทำให้มีเงินทุนที่จะขยายสาขาได้อีกมาก รวมทั้งการปรับปรุง Cash Cycle ที่ยังทำได้ไม่ดีพอจะยิ่งช่วยทำให้สถานะเงินสดดีขึ้นในอนาคตด้วย ในขณะที่บริษัทมี Land Bank สะสมไว้มากพอสมควร ดังนั้น แม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะทรุดหนักจนทำให้ same store sale growth ไม่เพิ่ม แต่ GLOBAL ก็น่าจะยังเติบโตได้โดยอาศัยการขยายสาขาใหม่ๆ เป็นหลัก
ไม่ทราบว่าคุณโจ๊กมีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้้อที่ลดลงจะมีผลต่อการขยายสาขามากน้อยแค่ไหน เพราะปีที่แล้วก็วางแผนขยาย 12 สาขา แต่ทำได้เพียง7สาขา และในปีนี้ย่างเข้าเดือนที่4 แล้วเพิ่งเปิดได้ 2 สาขา และถ้าปีนี้ทำได้ต่ำกว่าแผนที่วางไว้ 12 สาขาอีก จะมีผลต่ออัตราการเติบโตของ global อย่างไร และไม่ทราบมุมมองต่อแผนขยายสาขาเป็น 80 สาขาใน 5 ปีข้างหน้าอย่างไร
ปีนี้คงมีผลแน่นอนครับ เหมือนผู้บริหารจะบอกว่า ปีนี้ same store sales growth คงไม่โตเลย
แต่ถ้ามองภาพระยะยาวก็ยังมีศักยภาพอยู่ และไม่ค่อยเกี่ยวกับสถานการณ์ในปีนี้มากนัก
คุณโจ๊กมีความเห็นเกี่ยวกับ balance sheet ของ GLOBAL อย่างไรครับ ลักษณะมันไม่เหมือนค้าปลีกเลย สินค้าคงคลังก็มาก หนี้ก็เยอะ ขยายสาขาหนัก ๆ ไม่ลำบากเหรอครับ
สินค้้ากลุ่มวัสดุน่าจะฝากขายได้น้อยกว่ากลุ่มของแต่งบ้าน ทำให้ในแง่นี้ GLOBAL คงทำได้ไม่ดี แต่ GLOBAL ก็เป็นบริษัทที่ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างดี (ถ้าไม่ได้แต่งบัญชีนะ) โอกาสขยายตัวในธุรกิจยังมีสูง เลยคิดว่าน่าจะไปได้เหมือนกัน
งบไตรมาส 1 ปี 57 ออกมาแล้วครับ
การเติบโตของรายได้จากการขายโต ประมาณ 14 % และบรรทัดสุดท้ายกำไรลดลงเมื่อเที่ยบกับไตรมาส 1 ปี 56
และมี รายการ การตีราคามูลค่าที่ดินอาคารและ อุปกรณ์ ใหม่ จึงขอสอบถามคุณสุมาอี้และสมาชิกว่า มีความหมายและนัยยะอย่างไรต่องบการเงิน และพื้นฐานของบริษัทอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ
คุณโจ๊กมีความเห็นอย่างไรกับการถล่ม 6 สาขา ว่าเกิดจากมาตราฐานการก่อสร้างหรือเหตุสุดวิสัย
เกิดพร้อมกันหลายที่ก็น่าจะเป็นเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างครับ
ให้ซื้อตอนมีข่าวร้าย (ที่แก้ไขได้) ช่วงนี้เข้าข่ายมั้ยครับ 🙂
ก็อาจเป็นได้
เพื่อนผมเพิ่งผ่านไปแถวพระรามสอง บอกว่ามีร้านดูโฮมของเครืออุบลวัสดุกำลังก่อสร้างอยู่ คุณนรินทร์ คิดว่า ผู้เล่นของอุตสาหกรรมนี้ มีเยอะเกินไปไหมครับ ตอนนี้ที่เห็นก็มี Mega home, ไทวัสดุ, ดูโฮม ซึ่งแต่ละรายก็มีพื้นฐานและความถนัดในการค้าปลีกทั้งนั้น และสุดท้าย อุตสาหกรรมนี้จะเป็นเหมือนอุตสาหกรรมการบิน ที่ไม่มีใครชนะเลยไหมครับ หรือว่าจะเป็นในทางกลับกันคือ winner takes all ครับ
ค้าปลีกมีเรื่องของทำเลมาเกี่ยวข้องด้วย ปกติถ้าทำเลไหนเยอะมีร้านเยอะไปแล้ว เจ้าอื่นก็จะไปเปิดทำเลอื่นที่ยังว่างอยู่แทน ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงครับ
เว้นแต่เมื่อไร เมืองไทยหมดทำเลว่างๆ ที่จะเปิดร้านแบบนี้แล้ว ตอนนั้นแหละที่จะเริ่มมีผล แต่ผมคิดว่ายังอีกพักใหญ่ๆ เลย