มองโลกในแง่ร้ายคือหน้าที่ของนักลงทุนเอง

มนุษย์มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งคือเราชอบฟังแต่อะไรที่รื่นหู ไม่ชอบฟังอะไรที่ระคายหู ในภาวะตลาดปกติ เราจึงได้ยินแต่ข่าวดีเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน เพราะสื่อย่อมเสนอข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย เนื่องจากคนดูชอบอ่านมากกว่า นักวิเคราะห์ก็เขียนข่าวดี ไม่ค่อยกล้าเขียนข่าวร้าย เพราะถ้าเขียนข่าวร้ายๆ บ่อยๆ ก็มักจะมีปัญหากับ IR ต่อไป IR ก็ไม่ค่อยอยากเชิญมาร่วมกิจกรรมเท่าไหร่ เขียนแต่ด้านดีไว้ก่อน ปลอดภัยกว่า เราจึงมีแนวโน้มจะเสพข่าวดีเกี่ยวกับหุ้นเยอะกว่าข่าวร้าย

บางคนก็อาจแย้งว่า คนเราน่าจะชอบข่าวร้ายมิใช่เหรอ ไม่งั้นทำไมหนังสือพิมพ์จึงมีแต่ข่าวฆ่ากันตาย แต่อย่าลืมว่านั่นคือข่าวร้ายของคนอื่น แต่สำหรับนักลงทุน เราถือหุ้นเหล่านั้นอยู่ด้วยเงินของเราเอง ถ้ามีใครเขียนข่าวร้าย เราก็จะไม่ชอบ เพราะทำให้เราไม่สบายใจ เพราะเงินของเราอยู่ในนั้น คนที่เขียนข่าวร้ายเกี่ยวกับหุ้นก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ส่วนมากจะเป็นคนที่ยังไม่ดัง การเขียนข่าวร้ายเป็นวิธีเรียกแขกอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าบังเอิญเป็นจริง ก็จะได้เกิดใหม่ในวงการเลย ในฐานะเซียน แต่ถ้าเป็นสื่อใหญ่ หรือคนที่มีต้นทุนทางสังคมอยู่แล้ว ไม่รู้จะใช้วิธีแบบนั้นไปทำไม อาจโดนกล่าวหาว่าทุบหุ้นด้วย เสียมากกว่าได้

มีช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นที่ปลอดภัยที่จะเขียนข่าวร้ายได้คือช่วงที่ตลาดหรือหุ้นตัวนั้นพังลงมาโดยสมบูรณ์แล้ว เพราะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนความเชื่อของคนเกี่ยวกับพื้นฐานได้มากที่สุด ถ้าราคาหุ้นพังไปแล้ว ตอนนี้จะมาเขียนด่าหุ้นตัวนั้นก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะความเชื่อของคนได้เปลี่ยนไปก่อนแล้วตั้งแต่ตอนที่ราคาหุ้นพังลงมา ถ้าเขียนว่าหุ้นตัวนั้นไม่ดี ก็เป็นการตอบย้ำความเชื่อเดิมของคนที่เชื่ออยู่ก่อนแล้ว แบบนี้ไม่เป็นไร คนชอบ แต่ปัญหาก็คือว่า ถ้าข่าวร้ายสามารถพูดได้เฉพาะตอนที่ราคาหุ้นพังลงมาแล้ว จะมีประโยชน์อะไร นักลงทุนต้องรู้ข่าวร้ายก่อนราคาลง ถึงจะมีประโยชน์

เวลาเราซื้อของอะไรก็ตาม พนักงานขายไม่ได้โกหกเรา โกหกไม่ได้เพราะอาจจะผิดกฎหมายได้ เขาทำได้แค่เลือกบอกเราแต่ข้อดีอย่างเดียว เป็นเรื่องปกติธรรมดา นักลงทุนก็ควรระลึกเสมอว่า เวลาเราหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นสักตัวหนึ่ง ข้อมูลที่หาได้จะมีข่าวดีมากกว่าข่าวร้ายเสมอ ข้อเสียจะไม่มีใครบอกเรา และเป็นหน้าที่ของเราเองที่จะต้องหาข้อเสียให้เจอ ต้องรู้จักสงสัย รู้จักตั้งคำถาม  ถ้าข่าวภายนอกก็มีแต่ข่าวดีอยู่แล้ว เราเองยังเป็นพวกโลกสวยอีก ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ต้องหัดมองโลกในแง่ร้ายให้เป็น เพื่อจะได้ถ่วงดุลกับข้อมูลภายนอกที่เราหามาได้นั่นเอง

One Reply to “มองโลกในแง่ร้ายคือหน้าที่ของนักลงทุนเอง”

  1. ลงทุนหุ้นไทยมาสิบกว่าปี หุ้นไทยเป็นขาลงยาวนานมา2ปีนี้ ข่าวร้ายเต็มตลาด จนเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยมาก – #มองโลกในแง่ร้ายคือหน้าที่ของนักลงทุนเอง
    ลงทุนหุ้นไทยมาสิบกว่าปี เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยมาก เมื่อได้เปิดโอกาสให้ตัวเองไปลงทุนต่างประเทศ
    ขอบคุณมากค่ะ

Comments are closed.