แม้บรรยากาศการลงทุนช่วงนี้จะอึมครึม แต่ธีมการลงทุนควรเป็นเรื่องของธีมระยะยาว จึงน่าจะยังมีอะไรที่น่าลงทุนได้อยู่เสมอ มาลองสำรวจกันดูหน่อยว่า พ.ศ.นี้ มีธีมการลงทุนอะไรที่ยังคงน่าสนใจอยู่ และใช้เป็นไอเดียในการมองหาหุ้นได้บ้าง?
ความเสี่ยงทางการเมืองในเวลานี้ ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทย น่าจะเป็นปัญหาที่เรื้อรังไปอีกนาน เพราะเป็นความขัดแย้งที่บาดลึกมาก อย่างดีก็แค่พักรบชั่วคราว สักพักก็ออกมารบกันใหม่อีก
อย่างนี้ นักลงทุนไทยที่ไม่ได้มีพอร์ต off-shore อาจจะเริ่มๆ ให้ความสนใจบริษัทไทยที่มีความเป็น Global เป็นพิเศษมากขึ้น เช่น บริษัทไทยที่มีรายได้เกิน 50% มาจากต่างประเทศ หรือยังไม่ถึงขนาดนั้นแต่ว่ามีนโยบายขยายธุรกิจไปต่างประเทศที่ชัดเจน หรือว่าเป็นหุ้นส่งออก หรือเป็นหุ้นคอมโมที่ราคาผลิตภัณฑ์กำหนดโดยตลาดโลก ก็ได้ ถ้าหากพอร์ตไทยของเรามีหุ้นเหล่านี้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ก็น่าจะทำให้พอร์ตของเรา ทนทานต่อความขัดแย้งทางการเมืองในระยะยาวได้ดีขึ้น ธีมนี้เป็นธีมที่ค่อยๆ ปรับสัดส่วนไปทีละนิดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรีบทำ
ธีม AEC ยังเป็นธีมที่ใช้ได้อยู่ แต่ถ้าจะเล่นธีมนี้ ต้อง scope ให้แคบลง เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมหน่อย ตัวอย่างเช่น หุ้นที่เน้นขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV น่าจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าหุ้นที่ขยายธุรกิจไปทั่วอาเซียนทั้งหมด เพราะ CLMV มีแผ่นดินติดกับไทย และวัฒนธรรมมีความใกล้เคียงมากกว่า จึงน่าจะทำสำเร็จได้เร็วกว่าและง่ายกว่า อีกทั้งควรเน้นธุรกิจที่บริษัทไทยดูมีศักยภาพในประเทศ CLMV จริงๆ ตัวอย่างเช่น วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค หรือบริการ ซึ่งชาว CLMV น่าจะให้การตอบรับบริษัทไทยอยู่แล้ว
อีกธีมหนึ่งที่น่าสนใจคือ อัตรา การเติบโตของหัวเมืองต่างจังหวัดที่น่าจะสูงกว่ากรุงเทพในอนาคต เพราะการคมนาคมข้ามจังหวัดที่สะดวกขึ้น และรายได้ของคนต่างจังหวัดที่ดีขึ้น ธุรกิจที่น่าจะได้รับประโยชน์จากธีมนี้ น่าจะได้แก่ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ธีม เมกกะเทรนด์ของคนชั้นกลาง ที่ฮิตมานานแล้ว ก็ยังน่าจะใช้ได้อยู่ และใช้ได้อีกนาน อุตสาหกรรมอะไรที่เกี่ยวกับการยกระดับวิถีชีวิตของคนชั้นกลางให้สูงขึ้นหรือสมัยใหม่ขึ้น มักมีอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ดีกว่าเศรษฐกิจโดยรวมอย่างชัดเจน ได้แก่ Mobile Internet, E-commerce, iBanking, ประกันชีวิต, คอนโด, โรงพยาบาล เหล่านี้ยังคงเป็นธีมที่น่าลงทุนอยู่เสมอ
อีกธีมที่พูดถึงกันมากในเวลานี้คือ ดิจิตอลทีวี ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บจ.จำนวนมากในตลาดหุ้น ช่วงปีนี้น่าจะเป็นโอกาสสำคัญของหลายบริษัทจะเจาะเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ได้มากขึ้น เพราะช่องทางที่เปิดกว้างกว่าเดิม อย่างน้อยในช่วงแรกที่ดิจิตอลทีวีกำลังสร้างฐานผู้ชมแทนที่ทีวีแบบเดิม ก็น่าจะสร้างการเติบโตให้กับผู้เล่นรายใหม่ๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ความสามารถในการทำกำไรของวงการนี้ทั้งระบบยังเป็นที่น่ากังวลอยู่ เพราะเมื่อพิจารณาจากเทรนด์ของธุรกิจทีวีในต่างประเทศ จำนวนคู่แข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นมาก และกระแสนิวมีเดียที่มาแย่งคนดูไปจากทีวี ทำให้ธีมนี้อาจใช้ได้ในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนในระยะยาวยังต้องรอประเมินผลดูอีกครั้ง
ธีมสุดท้ายที่จะนำเสนอในปีนี้คือการปรับพอร์ตลงทุนระยะยาวให้เน้นธุรกิจบริการให้มากขึ้น โลกทุกวันนี้การผลิตสินค้าขายจะทำกำไรได้ยากขึ้นทุกที อีกทั้งประเทศไทยน่าจะเริ่มลดความสำคัญลงในฐานะของฐานการผลิตสินค้าของโลก เพราะมีประเทศใหม่ๆ กระโดดเข้ามาแข่งขันกับเราในจุดนี้ ในขณะที่ไทยมีศักยภาพมากมายในธุรกิจบริการหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ จึงน่าจะเป็น hidden growth ที่ซ่อนอยู่
ขอบคุณครับ…
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เยี่ยมครับ!
เป็นประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุงมากๆครับพี่โจ๊ก
ขอบคุณมากๆ ครับ
พี่โจ๊กพอจะมีกราฟรายได้ที่แสดงถึงเทรนด์ของธุรกิจทีวีต่างประเทศไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ
http://www.businessinsider.com/cord-cutters-and-the-death-of-tv-2013-11
ขอบคุณครับพี่โจ๊ก
ขอบคุณครับ
คุณสุมาอี้ พอจะเปรียบเทียบธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล ของไทย กับ ของต่างประเทศ ในเรื่องคุณภาพ ราคา ความสามารถในการแข่งขัน ว่ามีข้อดี ข้อเสียเปรียบ อย่างไรบ้าง
โรงพยาบาลไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนอย่างชัดเจนครับ ประเทศอื่นแข่งราคากับเราไม่ได้แน่นอน พวกที่แข่งราคากับเราได้ ก็แข่งเรื่องคุณภาพกับเราไม่ได้ เราอยู่ในสถานะที่ดีมากครับ
แล้วกรณีที่โรงแรมหรือโรงพยาบาลไทย ไปเปิดสาขาในต่างประเทศหละครับ
BH เคยไปเปิดใหม่ในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันเลิกไปแล้ว เพราะว่าปัญหาติดขัดเยอะมาก แสดงว่า advantage ของเราเป็นสิ่งที่อยู่ในประเทศ เช่น หมอเก่ง ของถูก ท่องเที่ยวไปด้วยได้ ฯลฯ
ขอบคุณครับ นี่ขนาดว่าเป็นธุรกิจที่เราถนัดที่สุด ยังออกไปแข่งนอกประเทศยาก แล้วกรณีที่ไป take over กิจการอื่นอย่าง ivl น่าจะดีกว่าหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่า bh ไปเปิดสาขาแบบร่วมทุนหรือไม่ แล้วถ้าไป take over โรงพยาบาลอื่นแล้วร่วมทุนกับประเทศนั้นจะดีหรือเปล่า แบบนี้ถ้าเทียบกัน ivl น่าจะโตได้มากกว่ามั๊ย เพราะมีโอกาสโตในระดับโลกได้ มี mint อีกที่สามารถไปขยายธุรกิจในต่างประเทศได้ แต่อยู่กันคนละธุรกิจ แบบนี้บางธุรกิจอาจจะดีมากๆในประเทศ แต่ไปนอกประเทศอาจจะไม่มีข้อได้เปรียบ
คุณสุมาอี้ คิดว่ามีธุรกิจอะไรของไทยที่สามารถไปโตในต่างประเทศได้