ขอออกตัวก่อนว่า ความเห็นของผมเกี่ยวกับ Derivatives เป็นความเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้ผูกขาดความถูกต้อง ฉะนั้น ถ้าใครจะมีมุมมองเรื่อง Derivatives ต่างไปจากผมนั้น ไม่ได้แปลว่า ผมคิดว่าความคิดของผมต้องถูก ของคนอื่นต้องผิด เรียกว่าเป็นแค่ความเห็นหนึ่งในหลายๆ ความเห็นเท่านั้นก็แล้วกันครับ
แนวคิดที่เป็นจุดกำเนิดของผลิตภัณฑ์ทางการเงินจำพวก Derivatives นั้น ฟังดูดีมากทีเดียว เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วย “ป้องกันความเสี่ยง” ฟังดูเป็นอะไรที่อนุรักษ์นิยม รอบคอบ ปลอดภัย ฯลฯ
แต่พอมันถูกเอามาใช้งานในทางปฏิบัติแล้ว ตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้นมา กลับออกแบบมาเพื่อการเก็งกำไรมากกว่าการป้องกันความเสี่ยง อันนี้ไม่ใช่เพราะ TFEX เท่านั้น แต่เป็นมาตั้งแต่ประเทศต้นแบบเลย
เป็นต้นว่า ถ้าคุณลงทุนกองทุน SET50 อยู่ แบบว่าตั้งใจจะถือลงทุนระยะยาว ทีนี้พอลงทุนไปได้สักพัก ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงบางอย่างที่น่ากลัว เช่น คุณกลัวว่าจะมีวิกฤตใหญ่เร็วๆ นี้ขึ้นมา แต่คุณไม่อยากขายกองทุน SET50 ของคุณออกมา เพราะตั้งใจว่าจะถือยาว คุณก็อาจจะต้องการ Short SET50 Futures บางส่วน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะมีวิกฤตใหญ่ๆ หรือแม้แต่ซื้อ SET50 Put Options เพื่อปิดความเสี่ยงที่ว่านี้ คุณจะพบว่า โปรดักส์พวกนี้ไม่ได้ออกมาให้คุณทำแบบนั้นเท่าไร เพราะโปรดักซ์พวกนี้มีอายุแค่ 3 เดือน กลายเป็นว่าถ้าคุณต้องการป้องกันความเสี่ยงนานกว่าสามเดือน คุณต้องซื้อโปรดักส์เหล่านี้ใหม่ทุกสามเดือน ถ้าคุณจะประหยัดค่าคอมโดยเปลี่ยนไปซื้อตัวที่หมดอายุนานๆ เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือนแทน คุณก็จะพบว่า ตัวยาวๆ พวกนั้น แทบไม่มีสภาพคล่องเลย ส่วนต่างราคาจากปัจจุบันก็สูงมาก ตอนซื้อยังไม่เท่าไร แต่ตอนจะปิดสัญญาแล้ว match order ไม่ได้ แทบที่จะป้องกันความเสี่ยงกลายเป็นเพิ่มความเสี่ยงให้เราแทน
และจะว่าไปแล้ว การป้องกันความเสี่ยงได้แบบนี้ มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไร ถ้าคุณตั้งใจจะถือลงทุนอะไรระยะยาวจริงๆ ถ้าระหว่างทางตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงมาก มันก็ไม่มีผลอะไร เพราะคุณก็ไม่ควรจะขายระหว่างทางเพราะตลาดผันผวนอยู่ดี คุณจะได้ผลตอบแทนมากหรือน้อยสุดท้ายแล้วมันขึ้นอยู่กับอีก 3-10 ปีข้างหน้าว่าราคามันจะเป็นเท่าไรตอนที่ถึงเวลาขาย ไม่เกี่ยวกับว่าระหว่างทางมันจะขึ้นลงแรงแค่ไหน เพราะคุณไม่ได้ขายระหว่างทางอยู่แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะคอยป้องกันความเสี่ยงระหว่างทาง ปัญหาอยู่ที่จิตใจของคุณเองที่ขาดความมั่นคงในวินัยของการลงทุนมากกว่า
แต่สมมติว่าคุณ short TFEX เพื่อป้องกันความเสี่ยงชั่วคราวจริงๆ แล้วโชคดี คิดถูก ตลาดหุ้นหล่นแรงจริงๆ คุณปิดสัญญาก็จะได้กำไรมาส่วนหนึ่ง แต่ในภาพที่ตรงกันข้ามคือ แทนที่หุ้นจะมีวิกฤต หุ้นดันขึ้นแทน จะกลายเป็นว่าแทนที่ performance ของกองทุน SET50 ของคุณจะสูงขึ้นตามตลาดแล้วกลับกลายเป็นคุณไม่ได้อะไรเลย เพราะคุณดันไป short TFEX ไว้ด้วย มันเลยหักล้าง gain การลงทุนของคุณหมด
ดีลที่ข้างหนึ่งได้กำไรส่วนเพิ่มมา แต่อีกข้างคือสูญกำไรที่ควรจะได้ไปด้วยจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นดีลที่น่าสนใจเท่าไร เพราะว่า upside กับ downside มันก็เท่ากัน ไม่รู้จะทำไปให้เสียเวลาเสียค่าคอมทำไม ถ้าคุณไม่ใช่พวกนักเก็งกำไรอยู่แล้ว
สรุปแล้ว ผมว่า TFEX เหมาะจะใช้เก็งกำไร คือเทรดดิ้งมากกว่า ไม่เหมาะกับการป้องกันความเสี่ยงหรอก เพราะผลิตภัณฑ์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อนักป้องกันความเสี่ยง และถึงจะออกแบบมา คุณก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาในฐานะนักลงทุน เพราะคุณก็ไม่ได้หวังจะรวยจากเก็งกำไรตั้งแต่ต้น
ประโยชน์แค่อันเดียวที่ผมพอจะนึกออกก็คือ คุณสามารถขายหุ้นได้เสมอ โดยที่ไม่ต้องมีของอยู่ก่อน ปกติแล้วถ้าไม่มี TFEX คุณจะซื้อหุ้นเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าคุณจะขายหุ้น เพราะคิดว่าตลาดจะร่วงแรง คุณต้องมีของเหลืออยู่ในพอร์ตพอดี ถึงจะขายทำกำไรจากการ cover short ได้ แต่มี TFEX ถึงคุณจะพลาดขายหุ้นหมดพอร์ตไปแล้ว แต่หุ้นยังขึ้นต่อ และคุณต้องการขายอีก คุณสามารทำได้ด้วยการ short TFEX แทนการขายหุ้น จึงเป็น flexibility อย่างหนึ่งสำหรับคนในตลาดหุ้น ของการมี TFEX
แต่ก็อย่าลืมว่าการ short TFEX ในลักษณะนี้ เป็น naked short คุณมี upside จำกัด (สูงสุดคือ SET Index = 0) แต่มี download แบบไม่จำกัด (เพราะ SET Index สามารถขึ้นต่อไปแค่ไหนก็ได้เลย) มันมี risk profile ที่คุณข้างอันตรายมาก ถ้าคุณไม่มีวินัยมากพอ สามารถนำหายนะมาสู่คุณได้เลย (ถ้าคุณคิดผิด ตลาดหุ้นขึ้นต่อไปเรื่อยๆ คุณจะขาดทุนหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีขีดจำกัด)
ถ้าคุณจะไม่ใช่ TFEX ป้องกันความเสี่ยง แต่เอามาเทรดเพื่อเก็งกำไรแบบที่มันถูกออกแบบมา มันก็ยังมีเรื่องไม่สบอารมณ์อีกหลายอย่าง อย่างหนึ่งก็คือว่า TFEX ไม่ได้วิ่งตาม SET แบบตรงๆ ทุกนาที บางทีมันก็วิ่งไปคนละทางอยู่นานกว่าจะกลับมาวิ่งตามกันใหม่ ถ้าคุณเดาว่าช่วงบ่ายตลาดจะลง ก็เลย short แล้วปรากฏว่าตลาดบ่ายลงจริง บ่อยครั้งคุณจะพบว่า TFEX ดันขึ้นซะอย่างงั้น และภาวะไปคนละทางบางทีก็กินเวลาอยู่หลายชั่วโมง กลายเป็นว่า อุตส่าห์คิดถูก แต่ก็ไม่ได้กำไรอีก
การเทรด TFEX เป็นสุดๆ ของ mind game เพราะมันเป็น leverage ทำให้จิตใจของเราหวั่นไหวได้มากกว่าปกติหลายเท่า ทำให้เราตัดสินไปตามอารมณ์มากขึ้น และผิดพลาดมากขึ้น ว่ากันว่า ลูกค้ารายย่อย 10 คนที่เปิดบัญชี TFEX นั้น สุดท้ายแล้วจะขาดทุนประมาณ 10 คน ครับ ของที่ดูง่ายมากที่สุดในตลาดหุ้นนั้นยากที่สุดครับ
แต่มี download แบบไม่จำกัด => ตั้งใจจะเขียนว่า downside ป่ะคับ
อ้าใช่ล่ะครับ สงสัยช่วงนี้ลงโปรแกรมบ่อยไปหน่อย
เมื่อก่อนเคยShortหุ้น ระยะสั้นมันขึ้นทำให้ทนไม่ไหวต้องcoverคืน ทั้งๆที่สุดท้ายมันก็ลงเหมือนที่วิเคราะห์ แต่การดูราคาตลอดหลังจากshortมันเครียด สุดท้ายก็ซื้อหุ้นแล้วถือสบายใจกว่าเยอะครับ ยิ่งTfexดูแล้วยิ่งเครียดหนัก ไม่กล้าเล่นคนที่เล่นผมว่าจิตใจต้องนิ่งมากๆ เห็นแต่ละคนเสียมากกว่าได้ ผิดทางก็ยังไม่ยอมแพ้ ดูแล้วเป็นอะไรที่ยากมากๆทั้งๆที่ดูง่าย อยากถามคุณนรินทร์ว่าคนที่เก่งกราฟมีโอกาสรวยจากtfexได้ง่ายกว่าซื้อหุ้นรายตัวรึป่าวครับ เพราะไม่มีพวกเจ้ามือที่คอยดูแลเหมือนหุ้นรายตัว
ขอบคุณครับ ที่ช่วยให้เข้าใจ TFEX ในแง่มุมต่างๆได้เป็นอย่างดี
ถ้าtfexไม่เหมาะแล้วมีวิธีอื่นที่จะนำมาใช้ป้องกันความเสี่ยงในยามหุ้นตกหรือเปล่าครับ
ไม่สามารถอ่านข้อความได้ หรือหมดอายุแล้ว แต่จำได้พึ่งต่อไปไม่นาน แก้ไขให้ด้วยครับ
Superx ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
account supers ดูปกติดี ลองใช้เบราเซอร์อื่นเข้าดู ถ้าไม่ได้ยังไง แจ้งผมอีกทีครับ
ขอเสริมในฐานะที่ผมเทรด futures ,options ตลาดอเมริกาอยู่นะคับ
ที่ต่างประเทศกับ TFEX เมืองไทย เรื่องสภาพคล่องต่างกันฟ้ากับเหว ตัวออปชั่นอายุไกล 1ปีขึ้นไป สามารถเอามาล๊อคกำไรขาดทุนกับหุ้นได้ดีคับ เช่น เราซื้อหุ้น AAPL ไว้ 100หุ้น แล้วล๊อคกำไรด้วยการชอตคอลออปชั่น 1สัญญาหมดอายุอีก 1ปีข้างหน้า ส่วนถ้าหุ้นตกเราก็ไม่เห็นต้องกังวลไรมากถ้าคิดจะถือยาว ยังไงก็ยังได้กินค่าพรีเมี่ยมตัวคอลออปชั่นฟรีๆ
ส่วนเรื่องที่มีคนถามว่าแล้วคนเก่งกราฟมีโอกาสรวย TFEX มั้ย จากประสบการณ์ ในทัศนะของผมซึ่งก็ใช้กราฟมาวิเคราะห์ร่วมด้วย คนที่มีโอกาสรวยจาก TFEX หรือพวก product ที่มี Leverage ทุกตลาดคือคนที่สามารถควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตและบริหารเงินหน้าตักได้ดีมากกว่าคับ ถ้าคุณได้เทรดตลาดธัญพืช หรือพวก soft commodity หรือพวก Forex แบบผมคุณจะรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกเวลาเทรดจริงๆว่ากราฟช่วยคุณได้ไม่ถึง 50% ถ้าคุณเบทหนักๆแล้วพลาดในครั้งเดียวนั่นคือหายนะของพอร์ตต่อให้พอร์ตโตมาดีๆก็แทบหมดตัวได้ในครั้งเดียว การควบคุมความเสี่ยงคือหัวใจจริงๆของคนที่รวยจากพวก product ที่ใช้ Leverage ดังนั้นถ้าไม่มีความรู้เรื่องนี้จริงๆ แนะนำให้เทรดหุ้นแบบลงทุนในกิจการระยะยาวในราคาที่เหมาะสมดีกว่าคับ