พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่

สมัยผมยังเด็ก ผมสังเกตว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่เหมือนกับตอนนี้พอสมควรเลย

โดยภาพรวม ผู้บริโภคยุคก่อนค่อนข้างประหยัด (พูดหยาบๆ ว่า งงกว่า)​สมัยนี้มาก ไม่ค่อยกล้าใช้ของเหมือนสมัยนี้ ไปห้างไม่ซื้อของ ห้างมีไว้ตากแอร์ ดูของจนพอใจ แล้ววิ่งไปซื้อจริงตามย่านตึกแถวอีกรอบ เพื่อให้ได้ราคาต่ำสุด

พอซื้อของมาแล้วก็ใช้จนคุ้ม เสื่อมสภาพแล้วก็ทนใช้อยู่อย่างนั้น ถ้าเสียก็เลือกจะซ่อมมากกว่าซื้อใหม่ ทีวีนี่ตบแล้วตบอีกให้ภาพกลับมาใหม่ ใช้จนกว่าจะตบไม่ได้แล้ว อายุใช้งานว่ากันเป็น 15-20 ปี

คนสมัยก่อนซื้อแต่สินค้าที่จับต้องได้เท่านั้น สินค้าจำพวกบริการจะขายยากมาก เพราะจ่ายแล้วเหมือนไม่ได้อะไรกลับมา คนจะไม่ค่อยอยากจ่าย ธุรกิจที่ปรึกษาอะไรทำนองนี้เจ๊งแล้วเจ๊งอีก ยิ่งสินค้าพวกสินทรัพย์ทางปัญญาไม่ต้องพูดถึง แอบใช้ฟรีตลอด ซื้อไม่ลงจริงๆ โปรแกรมราคาเป็นหมื่น

คนสมัยก่อนจะกินน้ำแข็งเปล่ากับน้ำชาฟรีๆ ในร้านก๋วยเตี่ยวกันทั้งนั้น การจ่ายเงินซื้อน้ำเปล่าบรรจุขวด เป็นอะไรที่ถูกเว่อๆ หน่อย ทำไมเราต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อ “น้ำเปล่า” ด้วย คนสมัยก่อนไม่มีใครกลัวสกปรก ต่างจากสมัยนี้ที่ยินดีจ่ายแพงขึ้น ถ้าหากได้กินน้ำที่สะอาดกว่า  สมัยนี้ขนาดหลอดยังต้องหุ้มพาสสติกมาเลย

เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะไทยรวยขึ้น รายได้ต่อหัวสูงขึ้น เมื่อรายได้มากขึ้น ความพิถีพิถันในการดำรงชีวิตจะสูงขึ้นตาม เมื่อก่อนความสะอาดไม่ใช่ priority แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว คนเราเปรียบเทียบทางเลือกอยู่เสมอ

การที่เราซื้อของในห้างมากขึ้น เพราะเราต้องการประหยัดเวลา สมัยนี้เวลาสำคัญกว่าเงิน เพราะเวลาทำให้เราหารายได้ได้มากกว่า จะจ่ายมากขึ้นก็ได้ ถ้าทำให้เรามีเวลาไปหาเงินได้มากกว่า ห้างเป็นวิธีประหยัดเวลา เพราะไปที่เดียวซื้อได้ครบทุกอย่าง ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายจุด รถติด การที่เราชอบซื้อใหม่ ก็เป็นเหตุผลทำนองเดียวกัน มันสะดวก เร็ว และตัดปัญหาจุกจิกไม่จบต่างๆ ได้

การยอมจ่ายเงินซิ้อบริการต่างๆ ก็เหมือนกัน มันช่วยลดเวลาลองผิดลองถูกของเรา เดินทางลัด ยอมจ่ายเงินหน่อย

คนรุ่นใหม่ยังนิยมซื้อความสุขมากกว่าคนสมัยก่อน เราจ่ายเงินซื้อประสบการณ์ชีวิตมากกว่าซื้อสิ่งของเสียอีก นิยมท่องเที่ยวมากขึ้น นิยมไปสปาเพื่อผ่อนคลาย รวมทั้งกล้าจ่ายเงินเพื่อให้ตัวเองดูดี มีหน้ามีตาทางสังคม เช่น ซื้อเครื่องสำอางดีๆ ทาครีม ทำจมูก เข้ายิม ซื้อคอร์สลดความอ้วน ทำเลสิก ไปเรียนเมืองนอก กินสตาร์บัคส์ ฟังเพลงมีรสนิยม ถือกระเป๋าแบรนด์เนม กินร้านอาหารหรู ถ่ายรูปลงอินสตาแกรม สมัยก่อนสินค้าเหล่านี้ไม่ใช่ธุรกิจที่ขายได้มากเหมือนสมัยนี้

สุดท้ายคือคนสมัยนี้กล้าจ่ายเงินเพื่อลูก บางคนยอมรัดเข็มขัดตัวเอง แต่ถ้าเป็นการจ่ายเพื่อลูก เท่าไรเท่ากัน จ่ายได้ ยิ่งแพงยิ่งอยากจ่าย เพราะพวกเขามีลูกน้อยลง จึงไม่อาจยอมรับความผิดพลาดได้มากเหมือนคนสมัยก่อน

 

12 Replies to “พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่”

  1. ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งเหล่านี้เกิด เพราะว่า ความเชื่อแต่ลรุ่น อย่าง คนที่อยู่ generation นี้ความเชื่อหลักๆ น่าจะเป็นเรื่องของ
    – Financial Freedom
    – อยู่เป็นโสดก็ไม่เป็นปัญหา ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน
    – แสวงหาความแตกต่าง พยายามให้โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น
    – ต้องการชีวิตเป็นอิสระ อยากเปิดบริษัทตัวเองมากกว่าเป็นลูกจ้าง
    และอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่แตกต่างจากคนสมัยก่อน

  2. อ่านแล้วโดนใจจังครับพี่
    ผมยังดื่มน้ำฟรีจากร้านอาหารอยู่เบยครับ
    เห็นด้วยที่เรื่องปัญหาการจราจร และความขี้เกียจของคนเรา ทำให้เราชอบไปเดินห้าง หรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีทุกอย่างครบครันครับ

    เวลาหาซื้อไม่ได้ขนาด Boyscout ยังร้องเพลงขอคืนเบยครับ(เก่าไปไหมครับ ><)

  3. สินค้าจำพวกบริการจะขายยากมาก – คงจะเหมือนการสมัครค่าสมาชิกของ dekisugi หรือ thaivi เลยครับ จริงๆเป็นเงินที่น้อยมากเลย เทียบกับเงินที่เราเอาไปใช้กับสิ่งอื่นๆแล้ว แต่มันจับต้องไม่ได้ ลูบคลำไม่ได้ กินก็ไม่ได้ (แต่เอาไปปรับใช้ในชีวิต ในการลงทุนได้) 🙂

  4. แล้วสิ่งที่คนรุ่นใหม่ทำมันควรทำหรือไม่ควรทำล่ะเนี่ย แต่ก็คงแล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ละคน แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าต้องเข้ายิมเวอร์อวดกล้าม หรืองานบางอย่างก็ไม่ได้จำเป็นต้องสวยถึงขนาดลงทุนทำจมูกแต่สุดท้ายก็แล้วแต่คงนั่นแหละเนอะ

  5. ปี้นี้ 2022 ก็เริ่มมีแนวความคิดว่ามหาวิทยาลัยแทบจะไม่จำเป็นแล้วเพราะมีแหล่งการเรียนรู้ทั้งฟรีและเสียตังที่มีคุณภาพที่เรียนแล้วสามารถนำไปใช้เลี้ยงชีพได้อยู่เยอะไปหมด ยุคสมัยเปลี่ยนไปจริง ๆ ครับ

Comments are closed.