Bogleheads Investment Philosophy

John C.Bogle ได้ชื่อว่าเป็น เจ้าพ่อ Index Funds เพราะเขาเป็นผู้ก่อตั้ง Vanguard Group ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน Index Funds ก่อนใคร และสร้างผลตอบแทนได้ดีมาก จนทำให้ Index Funds กลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินยอดนิยม และต่อยอดมาเป็น ETF ในปัจจุบันด้วย

Bogle เชื่อในการลงทุนแบบ Passive เขามองว่า การเลือกหุ้นหรือ timing market เพื่อให้ชนะตลาดนั้นไม่ใช่ของง่าย ด้งนั้น สิ่งที่นักลงทุนควรจะถือมากที่สุดก็คือ Index Fund หรือกองทุนรวมที่ track ผลตอบแทนของตลาดโดยรวม แทนที่จะพยายามเลือกหุ้นบางตัว หรือซื้อๆ ขายๆ เพื่อให้ชนะตลาดหุ้นให้ได้

แต่สิ่งที่นักลงทุนควรจะทำมากกว่าคือการ allocate เงินทุนของตัวเองระหว่าง เงินสด (หรือตราสารหนี้สภาพคล่องสูงอย่างเช่นพันธบัตร) กับ stock index fund ที่ถืออยู่ โดยนักลงทุนควรจะถือ หุ้น:เงินสด อัตราส่วน อย่างน้อย 25:75 แต่ไม่เกิน 75:25 เนื่องจากการถือหุ้นต่อเงินสดแบบสุดโต่งทั้งสองทางจะทำให้ได้ผลตอบแทนที่แย่เกินไป ในกรณีที่นักลงทุนเจอตลาดหมีหรือกระทิงที่กินเวลายาวนานพอดี อัตราส่วนที่ดูเหมาะสมที่สุดคือ 50:50 โดยทำการ rebalance ใหม่ปีละครั้ง

หรือนักลงทุนจะปรับอัตราส่วนไปตามอายุของตัวเองก็ได้ กล่าวคือ ถือเงินสดในสัดส่วนที่เท่ากับอายุปัจจุบัน เช่น ถ้าปัจจุบันอายุ 46 ปี ก็ถือ เงินสด:หุ้น 46:54 เป็นต้น

8 Replies to “Bogleheads Investment Philosophy”

  1. ขอถามนอกเรืองได้ไหมคะ เรือง วิกฤติเลแมนจีน พี่คิดว่าน่าจะกระทบตลาดหุ่น และ เศรษฐกิจจริงมากแค่ไหนคะ

    1. ปัญหาที่จีนเรียนตามตรงว่าคาดเดายากจริงๆ มีการพูดกันมานานมากแล้ว ตลาดหุ้นจีนก็ลงมามากแล้ว เลยไม่รู้ว่า ที่จริงมันเกิดขึ้นไปแล้ว หรือว่ากำลังจะเกิด

  2. พอร์ตส่วนตัวของพี่นรินทร์ โดยปกติถือหุ้น กับเงินสด สัดส่วนยังไงครับ
    แล้วปัจจุบันถือเงินสดบ้างหรือป่าวครับ
    ขอบคุณคับพี่

    1. ปกติ พอร์ตส่วนตัวของผม แทบจะไม่เคยถือหุ้นเต็มพอร์ตเลย เป็นคนค่อนข้าง conservative ยังชอบการมีกระสุนเหลือไว้เป็นเครื่องมือเสมอ ไม่ชอบการทุ่มหรือเชื่ออะไรแบบสุดตัว

      ตอนนี้มองว่าการถือเงินสดเอาไว้บ้างก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีอยู่ เพราะถึงตลาดจะลงมาเยอะ แต่พีอีก็อยู่ที่ 14 เท่า ถ้ากำไรข้างหน้าลดลงอีก (ซึ่งน่าจะลดเพราะการเมือง) พีอีก็อาจจะกลายเป็น 18 – 20 เท่า ซึ่งไม่น่าจะเป็นจุดที่ sustainable ถือว่าเสี่ยงเหมือนกัน

      อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ผมไม่นิยมการล้างพอร์ตทั้งหมดด้วยเช่นกัน เพราะเราไม่มีทางคิดถูกตลอดเวลา ถ้าไม่มั่นใจ ผมก็ลดน้ำหนักหุ้นลง ถือเงินสดเพิ่ม แต่จะไม่ขายหุ้นทิ้งทัั้งหมดครับ

  3. นอกจากหุ้นกับเงินสดแล้ว พี่แบ่งไปลงทุนอย่างอื่นๆ ด้วยไหมครับ

  4. เงินสดส่วนใหญ่ผมเก็บไว้ใน money market fund

    นอกจากหุ้นและ mmf แล้ว ผมก็ไม่ได้ลงทุนอย่างอื่น asset อื่น ที่มีอยู่ก็คือของที่เราต้องใช้งานไม่ใช่เป็นการลงทุน เช่น รถ คอนโด ฯลฯ

    ผมว่าลงทุนเป็นหุ้นกับเงินสดเท่านั้น ก็สามารถครอบคลุมความเสี่ยงได้พอเพียงแล้ว

  5. index fund ต่อยอดมาเป็น ETF ในปัจจุบัน หมายถึงยังงัยคะ

    รบกวนอธิบาย เพราะกำลังสนใจสนใจเรื่อง index fund อยู่พอดี
    ความเสี่ยงสูงกว่า index fund ใช่หรือเปล่า ขอบคุณมากค่ะ ^ _ ^

  6. index fund แต่เดิมเป็นกองทุนรวม จะซื้อขายก็ต้องรอตลาดปิดครับ แต่ ETF คือ เอา indexfund มาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดได้ด้วย ทำให้ซื้อขายระหว่างวันได้ในตลาดหุ้นโดยตรง

Comments are closed.