SUPER fully diluted valuation

#เขียนถึงเฉยๆไม่ได้ชอบครับ

หุ้นไฟฟ้าทางเลือกยุคนี้ก้าวไปอีกขั้น แทนที่จะ operate เองให้ยุ่งยาก ทำตัวเป็น Financial Company อย่างเดียว ใช้ความเป็นบริษัทจดทะเบียนให้เป็นประโยชน์ ขายหุ้นเพิ่มทุน และกู้เงิน แล้วนำมาซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้สัญญารับซื้อไฟฟ้าแล้ว โตเร็วกว่า สบายกว่า

SUPER ใช้วิธีเข้าซื้อบริษัทแบบที่ว่ามา 4 บริษัท เพื่อให้ได้กำลังการผลิต 460MW ภายในสิ้นปีนี้ โดยต้องใช้เงิน 1.95 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้จากการออกวอร์แรนต์ W1, W2, W3 ซึ่งคาดว่าจะได้เงินรวมกัน 1.3 หมื่นล้าน และเพิ่มทุนแบบเจาะจง (PP) ได้เงินอีก 5, 000 ล้านบาท รวมทั้งขอสินเชื่อจากธนาคารด้วย

คำถามคือแล้ว SUPER ควรมี market cap เท่าไร หากแผนการดังกล่าวสำเร็จตามแผน การออกวอแรนต์และเพิ่มทุนแบบเจาะจงน่าจะทำให้ SUPER มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิมราวสองหมื่นล้านหุ้น  กลายเป็นกว่าสามหมื่นล้านหุ้น หากคิดเล่นๆ ที่ราคาหุ้นปัจจุบันของบริษัทที่ราว 1.8 ต่อหุ้น เท่ากับว่า SUPER จะมี market cap ที่ fully diluted ราวๆ 4.7 หมื่นล้านบาท

ถ้าเทียบกับ SPCG ซึ่งมีกำลังการผลิตจริงที่ขายได้แล้ว 260MW แต่บริษัทมี market cap ราว 2.1 หมื่นล้านบาท เทียบกับ SUPER ที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิตสิ้นปีนี้ได้ที่ 500MW จะเห็นได้ว่า market cap ปัจจุบันของ SUPER นั้นอาจจะไปรออนาคตไว้แล้ว หรือแซงไปหน่อยๆ แล้วด้วย  (ค่า Adder ของ SPCG กับ SUPER คงไม่เท่ากัน แต่ถ้าคิดว่าการไฟฟ้าคิดค่า Adder แบบ cost-plus ก็น่าจะมีมูลค่าของผลตอบแทนต่อ MW ใกล้เคียงกันได้)

ก็อาจเป็นไปได้ว่า นลท.อาจให้ราคาจากโครงการใหม่ๆ ของ SUPER ซึ่ง SUPER เองก็ตั้งเป้าว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1000MW ในปี 2559 และ 2000MW ในปี 2560 แต่นั่นก็เป็นเป้าหมายที่สูงมากๆ และต้องไม่ลืมว่าหุ้น SPCG เองก็อาจมีราคาของการเติบโตอยู่ในนั้นแล้วด้วยเหมือนกัน ถ้า SUPER หาการเติบโตได้ ทำไม SPCG จะทำไม่ได้บ้าง

อีกเรื่องที่ผมสงสัยก็คือว่า หุ้น PP ตั้งราคาไว้ 2.50 บาทซึ่งสูงกว่าราคาตลาดเวลานี้มาก แล้วใครจะกล้าหรือยินดีที่จะซื้อแพงกว่าตลาดมากขนาดนี้ อีกทั้ง W2 เปิดให้ใช้สิทธิไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยอยู่ ไม่รู้ว่าถึงเวลาหมดเขตแล้วจะเพิ่มทุนได้ตามจำนวนหรือไม่?

คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น

#เขียนถึงเฉยๆไม่ได้ชอบครับ​