AOT ตรวจสอบตรรกะการเลือกหุ้น

AOT เข้าตลาดเมื่อปี 2547 ราคาจอง 42 บาท ปัจจุบันราคาราว 400 บาท ถือได้ว่าเป็น SuperStock ตัวหนึ่ง (สำหรับช่วง 11 ปีที่ผ่านมา แต่ต่อไปอาจจะเป็นหรือไม่เป็นอีกก็ได้)

ถ้าจะลองถามตัวเองว่า ทำไมตอนนั้นเราไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้ไว้ ตรรกะในเวลานั้นที่ตัดสินใจไม่ซื้อของเราคืออะไร

การถามคำถามแบบนี้อาจทำให้เรามองเห็นจุดบอดในวิธีคิดของเราเกี่ยวกับการเลือกหุ้น ซึ่งจะข่วยให้มุมมองของเราคมขึ้นในการเลือกหุ้นครั้งต่อไป

เมื่อสิบปีที่แล้ว AOT ไม่ใช่ธุรกิจที่ยากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะรู้ได้ว่า ธุรกิจนี้ดี เพราะว่าผูกขาด ดังนั้นความสามารถจึงไม่ใช่ข้อจำกัดในการเลือกหุ้นตัวนี้เลย ไม่ต้องเป็นเซียนก็รู้ว่าดี แต่แล้วทำไมเราจึงไม่ได้ซื้อไว้ ถ้าความสามารถไม่ใช่อุปสรรค์ ความยากมันอยู่ที่ไหน?

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้ จำได้ว่า ตอนนั้นผมไม่ชอบหุ้นตัวนี้เพราะมองว่ามีการเมืองในองค์กรเยอะ ผมไม่ชอบหุ้นที่การจัดการไม่ดี นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมพลาดหุ้นตัวนี้ไป เทียบกับคนที่ให้น้ำหนักเรื่องผู้บริหารน้อยกว่าตัวธุรกิจ พวกเขาก็อาจจะไม่พลาดหุ้นตัวนี้

ผมนึกถึงคำของ วอเรน บัฟเฟต ที่บอกว่า บริษัทที่ดีคือธุรกิจที่เอาคนโง่แค่ไหนมาบริหารก็ได้ เพราะพื้นฐานทางธุรกิจของมันดีมากๆ บางทีการตัดสินจากผู้บริหารมากเกินไป ก็ทำให้เกิดอคติได้ง่ายด้วย เพราะบ่อยครั้ง ความเห็นเรื่องผู้บริหารเป็นเพียงแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ซึ่งเกิดจากอคติส่วนตัวได้ง่าย ต่างจากการมองที่ตัวธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ Visible จากภายนอกเลย และมีตัวเลขยืนยันได้มากกว่าแค่ความรู้สึก ก็อาจเป็นไปได้ว่า นี่เป็นจุดอ่อนในการเลือกหุ้นอย่างหนึ่งของผม ถ้าหากผมเปลี่ยนไปให้น้ำหนักที่ตัวธุรกิจให้เยอะขึ้น ตรรกของผมอาจจะดึขึ้นก็ได้ (แค่ตั้งสมมติฐานนะครับ)

จำได้ว่าตอนเข้าตลาดใหม่ๆ AOT มีปัญหาเยอะมาก และเป็นประเด็นการเมืองด้วย เปลี่ยนผู้บริหารไปก็หลายคน ทำให้ผลประกอบการ ไม่ดีเหมือนที่คิดกัน ราคาหุ้นก็ไม่ไปไหน แถมมีบางช่วงที่ต่ำจองด้วย และมันก็ไม่ไปไหนอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว การที่ราคาหุ้นไม่ไปไหนนานๆ ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ถึงแม้ว่าเราจะตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้ แต่ก็อาจจะถึอไว้ไม่ได้นาน เพราะราคาหุ้นไม่ไปไหนนานๆ จิตจะตก เพราะคนเรามักเอาราคาหุ้นมาตัดสินปัจจัยพื้นฐานโดยไม่รู้ตัว ซึ่งที่จริงมันน่าจะกลับกัน อุปสรรคใหญ่อีกอย่างหนึ่งของการพลาด superstock จึงอาจเป็นเรื่องการที่เราอดทนถือหุ้นไม่ได้นาน เพราะทนราคาที่ผันผวน หรือไม่ไปไหนนานๆ ไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง บางทีเวลาหุ้นจะวิ่งมันก็วิ่งรวดเดียวเลย การที่มันไม่ไปไหนก่อนหน้านั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่บอกว่ามันจะไม่วิ่ง แต่เราไปเชื่อมโยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันเองโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นความยากอีกอย่างหนึ่งของการลงทุนเลยทีเดียว

แล้วคุณล่ะ คุณพลาด (หรือไม่พลาด) superstock ตัวนี้ไปเพราะว่าอะไร เล่าสู่กันฟังบ้าง 

12 Replies to “AOT ตรวจสอบตรรกะการเลือกหุ้น”

  1. ไม่ทราบว่าช่วงที่เข้าสู้ตลาดแรกๆ ในแง่ของ valuation เช่น PE มันดูสูงหรือเหมาะสมครับ

    1. เพิ่งเลือกตัวนี้เข้า 7thltg ส่วนตัวเมื่อปีสองปีนี้เอง เพราะดูตัวธุรกิจกับการเติบโตของรายได้ (ที่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากมาย ซึ่ง AOT น่าจะได้ประโยชน์เต็มๆ ในขณะที่โรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอื่น อาจจะต้องแบ่งเค้กก้อนนี้กันครับผม)

  2. เคยดู aot เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วพบว่ามีความเสี่ยงที่กล่าวไว้ใน 56-1 เกี่ยวกับหนองงูเห่าก่อนมาเป็นสนามบิน จึงไม่สนใจหุ้นตัวนี้อีกเลย อีกประการหนึ่งคือมองว่าหุ้นรัฐวิสาหกิจบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพจึงไม่อยากดูต่อ ในช่วงนั้นแนวคิดเกี่ยวกับตลาดหุ้นจะมุ่งไปที่เรื่องความเสี่ยงของหุ้น เราก็คิดตามประมาณนี้ค่ะ

  3. สัปดาห์ที่แล้วดูหนังสือของคุณนรินทร์กล่าวไว้(เขียนปี51)ว่าbabyboomers อีก 5ปีข้างหน้าจะแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว ยังคิดว่าถือตัวนี้อยู่น่ะค่ะ

  4. พูดถึงหุ้นตัวนี้ ผมต้องขอเล่าครับ เพราะทำกำไรให้เกินกว่าที่จะคาดคิด และสาเหตุหลักๆก็มาจาก การอ่านบทความจากบล๊อกนี้ และลงทุนตามแบบพี่โจ๊ก

    ผมซื้อ หุ้น AOT รายเดือน เป็นหนึ่งใน 7thltg ตั้งแต่ 2010 (เริ่มซื้อตามหลังที่พี่โจ๊กทำปีนึง) แต่ผมเลือกหุ้นเอง มี AOT,BH,CPALL,CPF,PTT,PTTEP และ MINT

    สาเหตุที่เลือก AOT ก็เพราะมองว่า เป็นหุ้นผูกขาด monopoly ไม่มีคู่แข่ง ช่วงนั้น social network กำลังเริ่มมา ก็เห็นเพื่อนฝูง มักจะอวดโพสรูปจากสนามบินที่เพิ่งเสร็จใหม่ๆ เชคอิน เป็นสถานที่ต้นๆ ของประเทศ ก็เลยสนใจ กอรปกับครอบครัวตัวเองก็ต้องเดินทางประจำทุกปี

    ส่วนตัวธุรกิจตอนนั้น นักลงทุนอาชีพจะมองกันว่า หนี้เยอะ กำไรที่ได้มาก็จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้หมด ผู้บริหารมาจากภาครัฐ / การเมือง เป็นแดนสนทยารัฐวิสาหกิจ ที่รายได้ไม่อาจโตอย่างก้าวกระโดดเหมือนธุรกิจอื่น ทั้งยังต้องกันเงินไว้เพื่อลงทุนเพิ่มเติม ต่อขยายตลอดเวลา เลยไม่มีใครจะสนใจนัก

    ผมเองก็ไม่มั่นใจตามเค้า แต่ก็คิดว่าซื้อรายเดือน แค่1ใน7 ลองดูว่า 15ปี ระยะยาวจะเป็นยังไง

    ซึ่งนักลงทุนเหล่านั้นก็มองถูก เพราะราคาหุ้นแทบไม่ขยับไปไหนเลย ถถถ เป็นปีสองปี ซึ่งนั่นเป็นประโยชน์กับผมมาก เพราะเก็บหุ้นรายเดือนได้ในราคาถูก ไปเรื่อยๆจนได้หุ้นสะสมระดับนึง

    จุดเปลี่ยนธุรกิจช่วงปี 2012/2013 เท่าที่พอจำได้นั้น คือค่าเงินเยนอ่อน ทำให้เงินกู้ที่คิดเป็นเงินบาท นั้นลดลงเยอะ และเริ่มกลับมาเปิดใช้สนามบินดอนเมือง จากที่เคยตัดออกไป ทำให้กำไรโต ราคาหุ้นก็ไต่ขึ้นเรื่อยๆ ทะลุ 100 ทะลุ 200 ซึ่งผมก็ยังซื้อรายเดือนอยู่ ทำให้กลายเป็นหุ้นกำไร 2-3 เด้ง มากที่สุดในพอร์ต (ราคาต้นทุนเฉลี่ยตอนนั้นประมาณ 50 บาทเท่านั้น) ปลายปี 2013 เลยตัดสินใจขายออกมาสัก 40% เพื่อถอนทุนออกมารวมทั้งกำไรส่วนนึง หุ้นที่เหลือ 60% ถือได้ว่าต้นทุนติดลบ แต่ก็ยังซื้อต่อเนื่อง ราคาก็ยังวนเวียนอยู่แถวนั้น อีกเป็นปี (น่าจะมีช่วงปิดสนามบินด้วย/ไม่แน่ใจ)

    หลังจากนั้น ราคาก็ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ สายการบิน low cost เข้ามาเป็นทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ทั้งยังทำโปรโมชั่น ขนาดบินฟรี 0 บาท (แต่ยังต้องจ่ายภาษีสนามบิน ถถถ) ซึ่งผมก็ยังซื้อรายเดือนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แต่จำนวนหุ้นก็ได้น้อยลงๆในแต่ละเดือน แต่ก็ยังสามารถใช้เม็ดเงินจากที่ขายไปเมื่อปี 2013 อยู่ (แต่ยังได้หุ้นกลับมาไม่ถึงที่ขายไปเลยด้วยซ้ำ) ทุนตอนนี้ ก็ยังติดลบนิดๆอยู่ ผมลองคำนวณว่า ถ้าผมไม่ขายหมูไปตอนนั้น ทำตามระบบ ซื้อต่อเนื่องตลอดอย่างเคร่งครัด จะได้กำไรมากกว่าปัจจุบัน ถึง30% !!!

    สรุปว่า เลือกมาเพราะความฟลุ้ค ทนถือยาวเพราะระบบ และหุ้นขึ้นมาได้ก็เพราะปัจจัยหลักจากภายนอกคับ

    หมายเหตุ เขียนในวันที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่ king power เป็นสปอนเซอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีคครัช

  5. น่าจะเพราะเรื่องค่าเสื่อม กับ นักท่องเที่ยว

    อจิณตัย จริงๆ
    ว่า คนรวยขึ้น จะเที่ยวมากขึ้น
    หรือ ชอบมาไทย
    โดยเฉพาะคนจีน

    1. ตอนนี้ พี่จีน. เริ่มมาแบบรถบ้าน
      ต่อไป ถ้ามีการเชื่อมต่อทางรถไฟ
      กะคงเด่ไม่ถูกอีกอยู่ดีว่า aot จะเสียประโยชน์ ไหม

  6. ผมไม่เคยมองหุ้นตัวนี้มาก่อนเลย เพราะไม่ทราบว่าเค้าทำอะไรครับ ไม่ทราบว่าเค้าเป็น monopoly

    กะเจอหุ้นตัวอื่นที่เข้าใจกว่า ทำความเข้าใจผู้บริหารได้ง่ายกว่า มีbusiness model ที่ผมเข้าใจมากกว่า ติดตามข้อมูลบริษัทได้มากกว่าครับ

    1. คำว่า ไม่ทราบว่าเค้าทำอะไรนี่ ผมหมายถึงแบบนั้นจริงๆนะครับพี่โจ๊ก ขอบเขตความเข้าใจในบริษัทของผมจำกัดมากพอสมควรครับ

      อีกอย่างคือนำเงินไปลงทุนและถือยาวหุ้นตัวอื่น และหุ้นตัวนั้น performance ดีกว่า aot ครับ

  7. พี่โจ้กมองการลงทุนครั้งใหญ่ของ aot ตามข่าวประมาณเกือบ 2แสนล้านยังไงบ้างครับ เป็นโอกาสหรือความเสี่ยง ขนาด asset ของaotปัจจุบันอยู่ที่ประมาน2แสนล้านพอดี เรียกว่าเพิ่มขนาดอีกเท่าตัวเลย แล้วถ้าลงทุนเสร็จต้องนำมาตัดค่าเสื่อมอีก ไม่รู้ว่ารายได้จะโตทันค่าเสื่อมรึเปล่า ถ้าผมคิดค่าเสื่อมส่วนเพิ่มแบบง่ายๆว่าเท่ากับ 2แสนล้านหาร20ปี เพื่อคิดเป็นต่อปี แบบนี้พอได้มั้ยครับ

Comments are closed.