https://youtu.be/jLE9G71jCTU
รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจและควรรู้เกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับอาชีพของมนุษย์ในยุคต่อไป
https://youtu.be/jLE9G71jCTU
รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจและควรรู้เกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับอาชีพของมนุษย์ในยุคต่อไป
https://youtu.be/AdvG_9mpqDE
Sapiens หนังสือที่พูดถึงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติตั้งแต่เริ่มต้น เป็นหนังสือที่มีแง่มุมของชีววิทยาและประวัติศาสตร์ผสมกัน ช่วยให้เราได้มองเห็นภาพของการเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนได้ดีขึ้น
หนังสืออีกสองเล่มของผม ที่ตอนแรกผมตัดออกไป ไม่ได้นำกลับมาพิมพ์ใหม่ในแบบ print on demand ตอนนี้จัดพิมพ์เรียบร้อยแล้ว เป็นหนังสือรวมบทความเศรษฐศาสตร์ในอดีตของผม สะสมให้ครบชุดได้แล้ววันนี้ ที่ http://dekisugi.lnwshop.com
และออกใหม่พร้อมกันด้วยคือ หนังสือโรงเรียนนักลงทุน เล่ม 1 และ 2 (ขายคู่) ที่ของหมดไปในช่วงที่ผ่านมา ก็กลับมาใหม่แล้วครับผม
[youtube https://www.youtube.com/watch?v=LWr8hbUkG9s]
เพิ่งไปดูหนังเรื่องนี้มาครับ The Big Short (2015) หนังสร้างจากเรื่องจริงในหนังสือของ Michael Lewis เกี่ยวกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นหายนะวิกฤตซับไพร์ม ก่อนคนอื่น และสามารถทำกำไรมหาศาลได้จากมัน
โดยส่วนตัวผมว่าข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือ ฟองสบู่ไม่ได้เกิดจากคนที่กล้าเสี่ยงแบบบ้าบิ่นมากเท่ากับการที่คนจำนวนมากเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอนว่าปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์ตัวไหนก็ตาม หรือแม้แต่ทฤษฎีหรือหลักการลงทุนอะไรบางอย่าง เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราเชื่อแบบนั้น เราจะทุ่มสุดตัว และหมดตัวได้ ต่างจากอะไรก็ตามที่เรายังเชื่อว่ามีความเสี่ยงอยู่ เราจะระมัดระวังมากกว่า และทำให้ได้ไม่ได้เสียหายจากมัน
คนเรามักชอบให้มีคนมาบอกว่า “คุณจะปลอดภัย” (Everything is gonna be alright) มากกว่าที่จะอยากรับรู้ข้อเท็จจริงตามเนื้อผ้า นี่เป็นเหตุให้เกิดภาวะเชื่อตามๆ กัน เพราะมันสร้างความอุ่นใจให้เราได้มากกว่า และทำให้เกิดธุรกิจหมอดู นักพยากรณ์ ที่ปรึกษาการลงทุน สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฯลฯ ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากกว่าทำให้เรารู้สึกสบายใจ ทั้งที่การป้องกันความเสี่ยงจริงๆ คือการเผชิญหน้ากับข้อมูล ข้อเท็จจริง ตามเนื้อผ้า ไม่ว่าข้อเท็จจริงนั้นจะทำให้เราสบายใจหรือรู้สึกหดหู่ก็ตาม ตัวละครในเรื่องคือกลุ่มคนที่เลือกอย่างหลัง เขาเช็คข้อมูลด้วยตนเอง ตัดสินใจจากข้อมูล และยอมโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ เพราะคิดอะไรแปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้าน และสุดท้ายพวกเขาก็รอดตาย และได้รางวัลสมกับที่พวกเขายอมแลกมันมาด้วยการค้นหาความจริงและทำสิ่งที่คนรอบข้างไม่เห็นด้วย
หนังสือเล่มอื่นๆ เวอร์ชั่น Print-on-Demand มีวางจำหน่ายครบทุกเล่มแล้วครับ
เนื้อหาเหมือนเวอร์ชั่นเดิมที่ไม่ได้พิมพ์มานานแล้วทุกประการ ค่าส่ง 50 บาทต่อออเดอร์ (กี่เล่มก็ได้ ค่าส่ง 50 บาทเท่าเดิม) พิมพ์และจัดส่งถึงได้ใน 20 วัน (หรือเร็วกว่า) หลังแจ้งชำระเงินแล้ว
>>> เข้าสู่ ร้านออนไลน์ <<<
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือของผมที่หายสาบสูญไปนานพอสมควร เนื่องจากเมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่ทำหนังสือ ได้ให้สิทธิ์ สำนักพิมพ์เนชั่นบุ้คส์ เป็นผู้จัดทำ บัดนี้สิทธิกลับมาที่ผมแล้ว ก็เลยทำออกมาเป็นเวอร์ชันอีบุ้ค
เผื่อท่านใดยังไม่ได้อ่านเล่มนี้จะได้ลองอ่านกัน เนื้อหาเป็นการรวมบทความในคอลัมน์มนุษย์เศรษฐกิจ 2.0 ยุคแรกๆ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรายวัน ซึ่งถือว่าเป็นหนังสือแนวการเงินส่วนบุคคล ในสไตล์และมุมมองแบบของผมโดยเฉพาะนะครับ
ซื้ออ่านได้ที่ Ookbee App ทั้ง iOS และ Android
โครงการทำหนังสือเล่ม ที่รวบรวมบทความทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ บัดนี้ ต้นฉบับหนังสือเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะส่งโรงพิมพ์เพื่อเริ่มต้นกระบวนการพิมพ์แล้ว
หนังสือมีทั้งหมดสองเล่มจบ โดยจะไม่มีขายทั่วไป แต่จะแจกฟรีให้กับผู้ที่เป็นสมาชิกถาวรของบล็อกเท่านั้น และพิมพ์ครั้งเดียว มีจำนวนจำกัด
ผู้สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะได้เป็นสมาชิกถาวรและได้รับแจกหนังสือทั้งสองเล่มโดยอัตโนมัติ รวมทั้งสมาชิกเก่าของบล็อกหากทำการต่อสมาชิกครั้งต่อไป ก็จะได้เป็นสมาชิกถาวรทันทีและได้รับแจกหนังสือทั้งสองเล่มโดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน
วิธีตรวจสอบว่าคุณเป็นสมาชิกถาวรหรือไม่ ให้ล็อกอิน แล้วดูที่มุมซ้ายบนของบล็อก จะต้องมีคำว่า Never อยู่
สมาชิกถาวรที่ต้องการรับหนังสือทันทีที่หนังสือพิมพ์เสร็จ ให้แจ้งที่อยู่ในประเทศไทยที่ต้องการให้จัดส่งหนังสือได้ ที่นี่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เมื่อหนังสือพิมพ์เสร็จแล้ว จะถูกจัดส่งไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้โดยอัตโนมัติ (คาดว่าน่าจะเป็นปลายปีนี้)
หนังสือมีจำนวนจำกัด แต่จะพยายามกะจำนวนพิมพ์ให้ทั้งผู้ที่สมาชิกใหม่และต่อสมาชิกภายในปีนี้ได้รับหนังสือทุกคนครับ
สมาชิกท่านใดที่ใช้แท็บเล็ตหรือมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android สามารถดาวน์โหลด Dekisugi.net App ได้ฟรีทาง Play Store แล้ววันนี้ โดยพิมพ์คำค้นหาว่า “Dekisugi.net”
** สำคัญ ** ในการอ่านบทความผ่าน App โปรดเลือกเมนูที่มุมขวาบนของจอ เพื่อทำการ Log in ก่อน โดยใช้ username และ password เดียวกันกับที่อ่านบทเว็บ
Dekisugi.net Android App ใช้งานได้ฟรีสำหรับท่านที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว โดยมีเนื้อหาเดียวกัน แต่เพิ่มช่องทางในการใช้งานให้มากขึ้น และมีไว้เป็นทางเลือกสำหรับบางท่านที่อาจประสบปัญหาการ Login ด้วยเบราเซอร์ เผื่อว่าเป็นคนที่ใช้ Android อยู่ด้วย จะได้มีช่องทางในการอ่านเพิ่มขึ้น ส่วนเวอร์ชั่น iOS จะตามมาในอีกสองเดือนข้างหน้า (ถ้ามี)
7thLTG ช่วยให้นักลงทุนได้หุ้นดีๆ ที่ต้นทุนระดับเฉลี่ยเสมอ Continue reading “0437: 7thLTG Extended Version”
– ช่วงนี้ผมสะสมดอลลาร์เพิ่มขึ้น เพราะเห็นว่าทุกคนมองดอลลาร์ร้ายกันหมด แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่น้อยกว่าเงินสกุลอื่นๆ ที่ผมถืออยู่ เพราะยังไงๆ ดอลลาร์ก็จะแย่ลงเรื่อยๆ ในระยะยาว ผมแค่อยากจะลองทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่ผมไม่ใช่คนเล่นสั้นที่เก่งเลย
[อันนี้ถือว่าถูก เพราะ USD Index ต้นปี 78 ขึ้นไปสูงสุด 88 ตอนนี้ 80ได้กำไรน้อยมาก แต่ก็ยังถือว่าไม่ทำให้ขาดทุน]
– ตอนนี้ ผมยังไม่ซื้อทองคำเพิ่ม เพราะผมถือทองคำอยู่แล้ว แต่จะไม่ขายมันด้วย ถ้าหากทองคำลงไปแตะต่ำกว่าพันเหรียญ ผมก็จะซื้อเพิ่มอีก เพราะภายในปี 2019 ทองคำจะต้องยืนเหนือระดับ $2, 000 ได้อย่างแน่นอน และนั่นไม่ใช่สมมติฐานที่มากเกินไปเลย
[อันนี้ไม่รู้เพราะผ่านไปแค่ปีเดียว]
– ปีหน้าเราอาจจะเห็นรัฐบาลของบางประเทศประสบปัญหาทางการเงินเพิ่มอีก อาจจะเป็น อาร์เจนติน่า ยูเครน หรือแม้แต่ UK ก็เป็นไปได้ ในช่วงสองสามปีนี้จะต้องมีวิกฤตการเงินอีกอย่างแน่นอน นอกเหนือจากทองคำแล้ว silver และเงินสกุลเอเชียบางประเทศก็น่าสนใจด้วย
[เรื่องรัฐบาลมีปัญหาถือว่าถูก แต่ผิดประเทศ เชียร์ silver และเงินเอเชีย ถูกต้อง อันนี้ยอดเยี่ยม]
– สินค้าเกษตรน่าสนใจมาก เพราะว่าราคาของมันตกต่ำมาเป็นทศวรรษแล้ว ผมว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่ราคาถูกที่สุดในตอนนี้ เรากำลังจะมีวิกฤตอาหาร ตอนนี้ข้าวสร้าง all time high ได้แล้ว แต่น้ำตาลยังห่าง all time high อยู่มาก
[อันนี้ไม่รู้ว่าจะถือว่าถูกหรือผิดดี เพราะน้ำตาลระหว่างวิ่งร่วงลงแบบดิ่งนรก แต่ปลายปีกลับขึ้นมาสูงกว่าต้นปีแต่น้อยมาก]
– ช่วงนี้เป็นช่วงที่แปลกมาก เพราะผมไม่ได้ short อะไรเลย ผมหาไม่เจอว่ามีอะไรที่ราคาแพงมากๆ แต่ถ้าจะให้ short ผมคงเลือก US Government Bond
[อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะถือว่าถูกหรือผิดดี เพราะระหว่างปีตลาดบอนด์วิ่งแรง แต่ปลายปีกลับมาอยู่เกือบเท่ากับตอนต้นปีดีขึ้นน้อยมาก น่าจะถือว่าผิดนะ]
Overall, 2010 will not be one for the record books, as 2009 was. He’s looking at a more normal 5%-10% rate of return for global investors. [ถือว่าเกือบถูก MSCI World Index +3.6% ปีนี้้]
Here are Faber’s views on other markets and asset classes:
Asia: “Longer term we’ll have still favorable growth, ” he says. He thinks India and Japan both offer opportunities. In his eyes, this view gained even more credibility after they were not mentioned once during the Barron’s round-table discussion.
[อันนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะระยะยาว]
Bonds: The bull market in Treasuries that lasted from 1980-2008 is a thing of the past. Near term: after a dismal 2009 the bond market could be in for a rebound. Longer term: look for exit opportunities in Treasuries.
[ไม่รู้ เพราะระยะยาว]
Gold: Still a long-term buy.
[คำแนะนำที่ดี]
Oil: Prices in the $80s make sense since the marginal cost to find a barrel is about $70. Longer term he expects prices to continue rising as demand increases from the developing world.
[คำแนะนำที่ดี]
Agricultural commodities: In the short term, Faber’s favorite commodity is wheat. He advises against buying the wheat ETFs because they’re relatively expensive. Instead, play it through farm land or potash companies, he says. [คำแนะนำนี้ไม่มีประโยชน์อะไร WEAT แทบไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปี]
1. ทองคำ จะแตะระดับ 1500 เหรียญต่อออนซ์ในปี 2010 [ผิด] หรือหมายถึงขึ้นไปอีก 50% จากระดับปัจจุบัน ส่วนโลหะเงินก็จะตามกันไป แตะระดับ 25 เหรียญต่อออนซ์ [ถูก ตอนนี้ 29 อันนี้เยี่ยม] ส่วนดัชนีหุ้นเหมืองทองคำ HUI จะขึ้นผ่าน 600 เหรียญ [ผิด ตอนนี้ 559] ด้วย
2. ดัชนี USD index จะเหลือ 60 จุด [ผิด ตอนนี้ 80 ไม่เคยลงไปถึง 60 เลยด้วย]
3. ตลาดหมีใน S&P ที่รีบาวน์อยู่ในตอนนี้ จะขึ้นต่อได้อีกราว 7 เดือน จากเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม [ผิด 7 เดือนแรกลงมากกว่า] แล้วหลังจากนั้น ตลาดจะต้องเผชิญกับหน้าผาสูงชันที่จะมาเขย่าขวัญอีกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงสิ้นปี [ผิด ปลายปีเป็นขาขึ้นชัดเจน]
4. หุ้น Citigroup จะลดลงเหลือต่ำกว่า 2 เหรียญอีกครั้ง [ผิด ตอนนี้ 4.6] (ปัจจุบัน 3.30 อดีตก่อนเกิดวิกฤติอยู่ที่เกิน 50)
5. ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจาก 1.5% ในปัจจุบันเป็น 3% ซึ่งนี่จะเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ [ถูก ตอนนี้ 3 กว่า]
6. การรีบาวน์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของดัชนี S&P/Case-Schiller จะเกิดแค่ช่วงสั้นๆ ดัชนี Schiller จะร่วงลงมากกว่า 15% ในปี 2010 ต่ำกว่า 120 [ผิด ตลอดปีไม่มีแตะ 120 เลย ห่างไกลมาก]
7. หลังจากซื้อเวลาได้อีกครึ่งปี หุ้นอุตสาหกรรมส่วนบุคคล (PE) จะเผชิญแรงกดดันในปี 2010 โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง
8. จีนจะยังคงอัตราการเติบโตราว 9% ในปี 2010 [ถือว่าถูก]
9. เงินเฟ้อจะแตะระดับ 10% วัดจากฐาน CPI [ผิด]
10. น้ำมันจะแตะระดับ 3 หลัก (100 เหรียญ) อีกครั้งในปี 2010 [ผิด] ราคาปัจจุบันราว 70 เหรียญ
สำหรับภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และตลาดหุ้นในปี 2553 หมอไพศาล พยากรณ์ให้ฟังว่า ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2553 “ตลาดหุ้นจะไม่ดีอย่างแรง” โอกาสปรับตัวลงมาอยู่ระดับ 400 จุดอาจมีให้เห็นได้ [ผิด] ช่วงนี้เหมาะสมมากที่นักลงทุนจะหาจังหวะช้อนหุ้นที่ชื่นชอบเก็บเอาไว้โดย เฉพาะกลุ่มพลังงาน ถ่านหิน และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น เนื่องจากพระราหูย้ายเข้ามาอยู่ในราศีธนู ซึ่งบ่งบอกว่าธุรกิจประเภทดังกล่าวจะรุ่งเรืองมาก
หลังจากนั้นตั้งแต่ในเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2553 ตลาดหุ้นจะมีอาการ “ทรงตัว” [ผิด เจอวิกฤตช่วงเมษา] ก่อนจะทะยานขึ้นไปสู่ “จุดสูงสุด” ในระหว่างเดือนกันยายน – ธันวาคม 2553 [ถูก] ซึ่งมีโอกาสจะทะลุ 700 จุดหรือ 800 จุดได้ ในแง่ของเศรษฐกิจในปี 2553 ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนราคาทองคำมีโอกาสทะลุ 20, 000 บาท ใครมีเงินซื้อทองคำ (แท่ง) เก็บเอาไว้ได้กำไรแน่นอน [ถือว่าถูก]