7thLTG ช่วยให้นักลงทุนได้หุ้นดีๆ ที่ต้นทุนระดับเฉลี่ยเสมอ และยังช่วยให้นักลงทุนรอคอยโอกาสได้โดยไม่รู้กังวลกระวายมากเกินไปด้วย เพราะช่วยชะลอไม่ให้นักลงทุนลงทุนเต็มตัวในช่วงที่หุ้นแพง ดังนั้นเพื่อนำข้อดีของ 7thLTG มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมากขึ้นไปอีก ขอแนะนำ 7thLTG Extended Version ครับ
แนวคิดของ Extended Version คือ ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นแพงหรือแม้แต่มีราคาปกติ เราก็ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ด้วย 7thLTG ธรรมดาก่อน (ได้ซื้ออะไรบ้างมือจะได้ไม่คัน) เมื่อไรก็ตามที่ SET ตกลงจากจุด Recent High ของมันเกิน 25% ก็ให้ซื้อเพิ่มสักครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดีขึ้นไปอีก เพราะซื้อมากกว่าปกติแต่ช่วงที่เกิด market correction เท่านั้น) สุดท้ายแล้วเราก็จะได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดียิ่งกว่า 7thLTG แบบธรรมดาเสียอีก
สรุปวิธีการลงทุนแบบ 7thLTG Extended Version เป็นดังนี้ครับ
1. เริ่มต้นด้วยการประเมินความสามารถในการออมในระยะยาวของตัวคุณเองก่อนว่า คุณสามารถออมเงินได้สูงสุดเท่าไรต่อเดือนโดยไม่เดือดร้อนหรือยากจนเกินไปเมื่อเทียบกับรายได้และค่าใช้จ่ายของคุณเอง
2. คัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนโดยคำนึงถึงโอกาสเติบโตของธุรกิจนั้น และความแข็งแกร่งทางธุรกิจเป็นหลัก (ไม่ใช่เงินปันผล หรือราคาหุ้นที่ต่ำ) ประมาณ 7 ตัว เพื่อให้ง่ายอาจลงทุนผ่าน “โปรแกรมออมหุ้น” ของโบรกเกอร์ เพราะจะทำให้เราซื้อหุ้นเป็นเศษได้ แล้วลงทุนตามไปโปรแกรมโดยอัตโนมัติ [การลงทุนผ่านโปรแกรมออมหุ้น 7 ตัว ต้องออมอย่างน้อย 7000 บาทต่อเดือน ถ้ามีเงินน้อยกว่านี้ ก็อาจเลือกตัวหุ้นน้อยลง แต่ต่ำสุดไม่ควรจะน้อยกว่า 4 ตัว เพื่อให้มีการกระจายที่พอควร]
3.รายชื่อหุ้นที่ออมทุกเดือนอาจเปลี่ยนแปลงได้เป็นระยะ ไม่จำเป็นต้องลงทุนกับหุ้นชุดเดิมไปตลอดกาล หากเห็นว่าหุันตัวเดิมไม่เข้าข่ายหุ้นที่เติบโตในระยะยาวได้อีกต่อไป ก็เปลี่ยนได้
4.ในปีถัดๆ ไป ถ้าคุณมีรายได้สูงขึ้น ก็อาจปรับเพิ่มจำนวนเงินที่จะออมต่อเดือนเพิ่มขึ้นตามก็ได้ แต่ควรเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ฮวบฮาบ และถ้าหากระหว่างที่ลงทุนอยู่ คุณเกิดได้เงินออมพิเศษมา (เช่น ได้โบนัส ถูกหวย ฯลฯ) ขอให้เก็บเงินส่วนเกินนี้ไว้ในธนาคารก่อน เมื่อใดก็ตามที่ตลาดหุ้นตกหนักๆ เช่น 30% ค่อยนำเงินส่วนเกินที่สะสมไว้นี้ (ไม่ว่าจะมีมากเท่าไรก็ตาม) มาซื้อหุ้นชุดเดิมเพิ่มเข้าไปสักครั้ง เพื่อทำให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดีขึ้นไปอีก เนื่องจากเป็นการเพิ่มนำ้หนักการลงทุน หลังตลาดหุ้นเกิด correction ใหม่ๆ ต้นทุนเฉลี่ยโดยรวมก็จะยิ่งต่ำลง ผลตอบแทนในระยะยาวก็จะสูงขึ้นไปอีก
5. ลงทุนให้ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 15 ปีครับ
(ในพอร์ตสาธิตของผม จะไม่ใช่ Extended version เนื่องจากจำนวนเงินซื้อเพิ่มของแต่ละคนย่อมไม่แน่นอน ขึ้นกับเงินเก็บของแต่ละคน จึงสาธิตให้ดูได้ยาก ให้ถือว่า 7thLTG แบบธรรมดาที่สาธิตให้ดูนี้เป็นกรณี worst case ของ 7thLTG ก็แล้วกัน)
เวลาเปลี่ยนหุ้น มีหลักการอย่างไรครับ เช่น ถ้าทยอยซื้อทุกเดือนมา10เดือนสมมติตัวละ 10,000 ครบ10เดือนเท่ากับตัวละแสน พอจะเปลี่ยนออก1ตัว เอาตัวใหม่เข้าแทน ตัวใหม่จะเนิ่มใหม่ที่ 10,000 หรือเปล่าครับ เท่ากับตอนเปลี่ยนตัวพอร์ตในหุ้นเดิม 6ตัวเท่ากับ600,000 + ตัวใหม่10,000 เป็น 610,000 แบบนั้นหรือเปล่าครับ
ตัวที่ปรับออกก็ทิ้งไว้ในพอร์ตคงที่เหมือนเดิม ตัวใหม่ก็เริ่มซื้อเดือนละหมื่นแทนไปเรื่อยๆ
เดิมว่าจะขายตัวเก่า ไปซื้อตัวใหม่ หรือเอามาเฉลี่ยซื้อตัวอื่นๆ ที่เหลือ แต่ว่าโปรแกรมออมหุ้นมันทำได้ยาก ต้องทำเอง ก็เลยตัดปัญหา คงตัวเก่าไว้อย่างนั้นไม่ได้ซื้อเพิ่ม รอนานๆ ไปอาจจะออกมาเก็บกวาดพอร์ตสักหนหนึ่ง อะไรแบบนี้
แล้วถ้าระหว่างปีมีปันผลออกมา จะใช้เงินปันผลซื้อตัวที่ปันออกมา หรือว่าซื้อถัวตัวอื่นๆดีครับ
ถ้าเป็นก้อนที่ใหญ่มากพอ อยากให้ซื้อถัวเฉลี่ยทุกตัวไปเลย
15 ปี………แป๊ปเดียวค่ะ
ขอบคุณครับคุณโจ๊ก
น่าเสียดายที่พึ่งได้มีโอกาสรู้จักกับ 7thLTG ทำให้เริ่มต้นช้าไป 2 ปี แต่ยังไงก็ตั้งใจจะเก็บไปให้ได้ 15 ปี แน่นอน
โปรแกรมออมหุ้น มีทุกโบรกเลยหรือป่าวครับ …
ผมอยากรู้รายละเอียด จะติดต่อหาข้อมูลได้อย่างไร
ปล. หากผมขอมาลอกพี่สุมาอี้ จะได้ไหมครับ แล้วพี่จะอัพเดตทุกๆ กี่ไตรมาสครับ
มีคำถามว่า ทำไมพี่โจ๊กถึงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่การเติบโตและความแข็งแกร่งของบริษัทเป้นหลัก ไม่ดูเงินปันผลหรือราคาที่ต่ำ ครับ?
การถือหุ้นยาวๆ นั้น ต้องคิดด้วยว่า เราคาดหวังอะไร ถึงได้ต้องยอมจมเงินไว้กับหุ้นตัวนั้นนานๆ
ถ้าธุรกิจไม่โตแล้ว แต่ปันผลงาม อย่างมากก็ได้ปันผลปีละ 5% แต่ไม่ได้ capital gain จริงๆ แล้ว ซื้อพันธบัตรดีกว่า เพราะอาจได้แค่ 4% แต่ความเสี่ยงต่ำกว่ามาก ดังนั้นการหวังแต่ปันผลจึงได้ไม่คุ้มเสีย
ถ้าซื้อหุ้นพีอีต่ำมากๆ แต่ธุรกิจไม่โต ถ้าเมื่อไรที่พีอีขึ้นมาจนถีงระดับที่เหมาะสมแล้ว เราจะถือต่อไปเพื่อหวังอะไร อีก เพราะถ้ากำไรเท่าเดิมทุกปี ราคาหุ้นก็เท่าเดิมทุกปี จะถือยาวไปทำไม ดังนั้นการซื้อหุ้นเพราะว่าพีอีต่ำมากๆ นั้น จึงไม่ใช่การลงทุนระยะยาว เมื่อพีอีถึงจุดที่เหมาะสมเมื่อไร ก็ต้องขายทิ้งครับ
แต่ถ้าเราซื้อหุ้นเพราะหวังการเติบโตของธุรกิจ เราสามารถถือไปได้เรื่อยๆ เพราะถ้ากำไรยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะได้รับผลตอบแทนจากทั้ง capital gain และเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจึงคุ้มค่าที่เราจะยอมจมเงินของเราไว้นานๆ เพราะเราหวังว่าอีกห้าปีสิบปีข้างหน้า ธุรกิจจะใหญ่โตกว่าวันนี้มากมาย
แล้วถ้าในกรณีที่ไม่ได้ใช้ 7thLTG ปกติล่ะครับ ใช้แต่กองทุนอีแร้งอย่างเดียว
แต่ผมจะรอให้ตลาดตกจาก High เดิมอย่างเดียว (ตั้งใจว่าซัก 10% พอแล้วครับ มือคันคิดว่าจะได้ซื้อทุกๆปี ถ้ารอเกิน10% กลัวอดใจไม่ไหวไปเคาะเอาดอยพอดี) แล้วซื้อ super stock รอบละ 5 ตัว กระจายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยแผนนี้ใช้ครึ่งนึงของพอร์ต (ถ้าพลาดก็คงเจ็บไม่เยอะ) ส่วนอีกครึ่งซื้อขายปกติ (ตอนนี้อยู่ในตลาดมาเกือบสองปี ชนะตลาดประมาณปีละ 20%) โดยรวมแล้วมีอะไรที่ต้องแก้ไขบ้างครับ
ก็ถ้าชนะตลาดมาตลอดก็คงไม่มีปัญหามังครับ
ออ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับพี่โจ๊ก
มีคำถามต่อว่า ถ้าทุนน้อย(หลักแสน) ควรจะลงทุนแบบไหน
ที่ปลอดภัยต่อเงินต้นและมีโอกาสเพิ่มขนาดพอต มากที่สุดครับพี่?
ผมว่าวิธีได้ผลตอบแทนมากๆ คือต้องขยันทำการบ้านให้หนักขึ้นเท่านั้นครับ
ส่วนการเล่นมาร์จิ้น การซื้อตัวเดียว ฯลฯ เป็นวิธีที่เร่งผลตอบแทนในระยะสั้น แต่นำมาซึ่งความเสี่ยงในระยะยาว บางทีได้เยอะแล้วมาโดนทีเดียวถอยกลับไปแย่กว่าเดิม
สงสัยผมพิมพ์ไม่เคลียร์แน่เลย TT
คือปัจจุบันผมยังไม่ได้เริ่มแผนแบบใช้กองทุนอีแร้งครับ ปัจจุบันเทรดเองปกติครับ
ปัญหาที่ตามมาคือ
1. วิธีที่ทำอยู่ถึงจะชนะตลาดก็จริง แต่ผมใช้เวลากับการติดตามตลาดรวมถึงทำการบ้านหุ้นพอสมควร ซึ่งตอนนี้ด้วยหลายๆอย่างผมจึงทำแบบนั้นไม่ได้อีกครับ แล้วก็ยอมรับเลยว่าที่ผ่านมาฟลุ๊คหลายทีมากๆ
2. 7thLTG แบบปกติ ผมจะติดนิดนึงตรงที่อาชีพของผมรายได้จะไม่ค่อยสม่ำเสมอบางเดือนเก็บได้มากบางเดือนเก็บได้น้อยครับ ผมเลยรู้สึกว่าเก็บเป็นก้อนใหญ่ๆแล้วรอจังหวะซื้อน่าจะเหมาะกว่า (ยอมรับว่าอาจจะมีอคติอยู่บ้าง คือ 7thLTG ธรรมดาไม่ค่อยได้ออกแรงทำอะไรเท่าไหร่ครับ)
เลยลองมองหาวิธีที่ passive ขึ้นมากหน่อยครับ เลยอยากปรึกษาว่าแผนที่พิมพ์มาพอไปไหวหรือเปล่าครับ
ขออภัยจริงๆครับหากรบกวน
ลืมระบุไปว่าคำตอบที่แล้วเป็นคำตอบของคำถามของคุณ sib_007
สำหรับคุณ aries ตามความเห็นของผม ตลาดหุ้นไทยมีปรับฐาน 10% ให้เห็นทุกปี ปีละ 1-3 หน ดังนั้นถ้ารอปรับฐาน 10% แล้วค่อยเข้าซื้อ ก่อนน่าจะมีให้เข้าซื้อได้อยู่เรื่อยๆ อันที่จริง ปีเตอร์ ลินซ์ ก็แนะนำวิธีนี้ไว้ให้สำหรับคนทั่วไปในหนังสือของเขาด้วย ว่าน่าจะทำให้ได้ผลตอบแทนดีขึ้นได้
แต่ถ้าเป็นแค่การปรับฐานทั่วไป การถือไว้ตลอดก็อาจจะไม่ถูกเสมอไปก็ได้ ถ้าหากเป็น market correction จริงๆ ที่สามารถเข้าไปซื้อแล้วถือยาวๆ ได้โดยปลอดภัยอย่างแน่นอน ก็ต้องเป็นการปรับตัวลดลง 20-30% ขึ้นไป แบบนี้รอนาน บางทีก็หลายปี รอจนเบื่อไปก่อนก็เยอะ
ดังนั้นถ้าปรับฐาน 10% แล้วเข้าซื้อ เวลามันฟื้นขึ้นมาแล้ว จะขายส่วนหนึ่งทำกำไรออกไปบ้างก็ได้
อันนี้พูดถึงการเล่นแบบ active ทั่วไปดังที่ถามมานะครับ
รบกวนสอบถามคุณนรินทร์หน่อยครับ
ปีที่ผ่านมาได้มีเงินสำรองที่เก็บได้ในแต่ละเดือน ซึ่งผมเล็งที่จะซื้อหุ้น 7th LTG เพิ่มในช่วงที่ตลาดตกมา 20% แต่ไม่เคยตกมาถึงเลย
ในปีนี้เงินส่วนนี้ก็จะสามารถกันขึ้นมาได้เรื่อยๆ บวกเงินที่เก็บได้จากปีที่แล้ว
อยากขอคำแนะนำว่า ควรเก็บเงินส่วนนี้ต่อไปเผื่อรอตลาดตกหนักๆ หรืออย่างน้อยเพ่ิมยอดซื้อใน 7th LTG เข้าไป ในระดับที่รับได้ดีครับ
คือกลัวว่าถ้าฝากเงินก้อนทิ้งไปเรื่อยๆได้แค่ดอกเบี้ย 3% ต่อปี มันจะเสียโอกาสการโตของพอร์ทไป
แต่อีกส่วนก็กลัวว่าถ้าตลาดหมดช่วงขาขึ้นก็จะทำให้เสียโอกาสซื้อหุ้นถูกไป
ขอบคุณครับ
ถ้าเป็นเงินสำรองเกินส่วนจากที่ได้วางแผนว่าเป็นเงินที่จะใช้ออมประจำ ผมแนะนำว่าเก็บไว้รอซื้อนั่นแหละดีแล้ว ยังไงเราก็มีเงินส่วนหนึ่งที่อยู่ในหุ้นตามแผนการลงทุนปกติอยู่แล้ว ไม่ได้พลาดไปทั้งหมด
Market Data of SET 2013
SET Index – High 1,643.43
SET50 Index – High 1,092.27
เพื่อนนักลงทุน เตรียมเงินสำรองกันหรือยังครับ นับจาก high ถึงวันนี้ DD เกือบๆ 23% แล้ว ใกล้ได้ใช้กันแล้ว ส่วนใครจะรอถึง 30% ก็เป็นไปได้นะ (SET ~1150) ผมว่าการที่เรามีรายได้ประจำเข้ามาตลอด นี่เป็นข้อดีในยามหุ้นตกสำหรับนักลงทุนระยะยาวเลยนะ
ผมเกือบ ๆ บ้างพอร์ต และเริ่มเก็บ 7 th ใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานน่ะครับ (วันนี้เก็บเพิ่มอีกหน่อย)
ดูสิ เล็งๆว่าจะซื้อเองเพิ่มในวันที่ 10/9 อีก 1ครั้ง เพราะเป็นช่วงครึ่งงวดของรายเดือน set ดันดีดขึ้นไปอีก จะรีบซื้อเพิ่มตอนนี้ก็เสียวว่า วันที่ 10 จะถูกกว่านี้ เพราะตั้งใจไว้แล้ว ต้องอดทนๆ ถ้า set ไม่ต่ำกว่านี้ก็คงไม่ซื้อ พยายามจะมีวินัยกับพอร์ตนี้ ไม่ซื้อมั่ว ปลอบใจๆ
คุณnarin ครับ สนใจตัวExtend Version แต่มีข้อสงสัยเรื่องวิธีการซื้อครับว่า
ตัวExtend versionนั้นเราต้องเข้าซื้อในวันที่หุ้นตกเกิน25% เราควรซื้อด้วยตัวprogramออมหุ้นผ่านโบรกเหมือน7thLTGธรรมดา หรือ ซื้อเองผ่านPortส่วนตัวครับ
ที่ถามเพราะว่าอยากซื้อไห้ครบทุกตัวในเหมือน7thLTGในคราวเดียวกันเพื่อที่น้ำหนัก%ของหุ้นในportโตไปพร้อมๆกัน
-ถ้าเป็นผ่านprogramออมหุ้น เราจะได้ค่าเฉลี่ยที่เท่ากันทุกตัว แต่อาจจะเสียเวลารอวันให้โบรกดำเนินการให้ในวันที่เค้าสามารถซื้อในเราได้ใกล้ที่สุด ยกตัวอย่างCIMBสามารถซื้อให้เราได้แค่3วันเช่น 5, 15, 25 (แล้วแต่ตัวแทนนั้น)
-ถ้าซื้อผ่านPortส่วนตัว ต้องซื้อขั้นต่ำ100หน่วย/หุ้น ซึ่งบ้างหุ้นในport 7thLTGของผมนั้นมีราคาแพงเกินกำลังเช่น (ADVANC, BGH, BH) ถ้าจะซื้อให้ได้ครบ7ตัวในคราวเดียวกัน ซึ่งบางครั้ง กำลังซื้ออาจจะไม่ไหวครับ
พอจะแนะนำได้ไหมครับ ว่าควรทำอย่างไร thx in advance krub
ถ้าจะมี extended ด้วยต้องเปิดพอร์ตเองต่างหากอยู่แล้วครับ เพราะถ้าใช้โปรแกรมออมหุ้นด้วยผมว่ายุ่งยากกว่าเสียอีก
จุดเข้าซื้อดูจาก SET ตกลงมาจากจุดสูงสุดครับ ไม่จำเป็นต้องระหว่างวันครับ ดังนั้นจะมีเวลาให้ซื้ออยู่พอสมควร ไม่ต้องนั่งเฝ้าขนาดนั้น
ครับคุณNarin ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะครับ 🙂
ท่านแม่ทัพคับ ถามหน่อยคับ ถ้าเกิดตลาดมาตกมาเป็นระลอกๆ เช่น ลงมาถึงจุดที่เราจะใช้ extended 7LTG ได้แล้วครั้งหนึง ถ้าเกิดมัน rebound ขึ้นมาสักพักแล้วตกลงไปอีก จุดที่เราจะเข้าซื้อนั้น ควรคิดลดจาก high ที่ตลาดพึ่งรีบาวด์ ใช่หรือม่คับ
เช่น สมมิตใช้กลยุทธ์ซื้อเมื่อตลาดตกลงมา 15%
สมมติดัชนี เริ่มต้น 1000 จุด ตลาดลง 15% เราจะเข้าซื้อที่ดัชนี 850 จุด
ต่อมาหากตลาดรีบาว์กลับไปที่ 950 จุด เราจะเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อตลาดลงมาที่ 807.5 จุด
ควรเป็นแบบนี้มั้ยฮะ ท่านแม่ทัพ
ควรเป็นเช่นนั้นครับ
ยกเว้นกรณีตลาดหล่นต่อไปเลย ก็ให้นับจุดล่าสุดที่ซื้อไปเป็นจุดอ้างอิงแทน