US – ปัจจุบัน Fed ยังซื้อสินทรัพย์เพิ่ม (ทำ QE) อีกเดือนละ $45 billions แต่น่าจะทยอยซื้อน้อยลงเรื่อยๆ จนหยุดซื้อในที่สุด ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตลาดแรงงานกลับมาเต็มที่และเงินเฟ้อแตะ 2% ซึ่งน่าจะยังอีกนานมากหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดกังวลว่าสินทรัพย์ที่ Fed เคยซื้อมาทั้งหมดในอดีตจะถูกขายออกมาอย่างไร ในการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด Fed ได้อธิบายว่าได้เตรียมกลไกจัดการเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่า Fed อาจถือสินทรัพย์เหล่านี้ต่อไปในระยะยาวได้ โดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อปริมาณเงินในระบบโดยอาศัยกลไกดังกล่าว
ECB – ตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในเวลานี้ล้วนทำให้เกิดการคาดหมายว่า ECB น่าจะออกนโยบายเชิงผ่อนคลายออกมา ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่ยังต่ำเกินไปจนเสี่ยงจะเกิดภาวะเงินฝืด เงินยูโรที่แข็งขึ้นเทียบดอลล่าร์ส่งผลลบต่อการส่งออก และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีเฉพาะเยอรมันประเทศเดียว เป็นไปได้ว่า เราน่าจะเห็น ECB ลดดอกเบี้ยลงอีก หรืออาจถึงขั้นออก QE (แต่อันหลังนี้ยังมีโอกาสน้อยอยู่)
UK – เศรษฐกิจของ UK ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นประเทศมีโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าเพื่อน แต่ก็ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอน และเมื่อขึ้นก็จะเป็นไปอย่างช้าที่สุด อย่างไรก็ตาม นโยบายการเงินของ UK คงไม่มีผลต่อโลกมากนัก
JAPAN – นโยบายของ BoJ คือ ทำ QE ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นเงินเฟ้อที่ 2% แม้ว่าเงินเฟ้อล่าสุดจะถีบตัวสูงขึ้น แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราวอันเป็นผลมาจากผู้บริโภคเร่งซื้อสินค้าก่อนการขึ้น Sales Tax เท่านั้น BoJ คาดว่า เงินเฟ้อแท้จริงที่ตัดปัจจัยระยะสั้นนี้ออกยังอยู่ที่ประมาณ 1.25% เท่านั้น จึงน่าจะยังคงเห็น BoJ คง QE ต่อไปอีกระยะ
สรุป – ผลกระทบของการลด QE ต่อจากนี้ไปไม่น่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นมากแล้ว เพราะตลาดหุ้นปรับฐานล่วงหน้าไปแล้วในระดับหนึ่งเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว อีกทั้งตลาดยังได้รับข่าวดีใหม่ในแง่ที่ว่า Fed อาจจะไม่ขายสินทรัพย์เก่าออกมาในที่สุด และแผนการขึ้นดอกเบี้ยของทุกประเทศก็ยังเป็นไปตามกรอบเวลาเดิมและจะเป็นไปอย่างเชื่องช้ามากที่สุดเพื่อให้ตลาดหุ้นมีเวลาปรับตัว
ต่ออายุแล้วครับ ไม่สามารถอ่านได้
US นี่เริ่มแทรกแซงประเทศอื่นๆ โดยให้กรอกข้อมูลว่ามีสัญชาติอเมริกาหรือป่าว ผมมีโบรคของกิมเอ็ง ก็ต้องให้กรอกข้อมูลบ้าอะไรไม่รู้ ถ้าไม่กรอกก็จะเทรดไม่ได้ ทีแรกก็งงว่าทำไม BID ไม่ได้
อย่างนี้พี่นรินมองว่า US อยู่ในภาวะจนตรอกหรือป่าวคับ ถึงได้พยายามเก็บภาษีกับพลเมืองของตัวเองที่อยู่ในประเทศอื่นให้ได้เยอะที่สุดบนโลกใบนี้