ในทางสถิตินั้น ถ้าเราไม่รู้ว่าตัวแปรสุ่มมีการกระจายเป็นอย่างไร เรามักสมมติว่ามันมีการกระจายเป็นโค้งปกติเพื่อความง่าย ในทางการเงินเราก็มักสมมติว่าผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นมีการกระจายเป็นโค้งปกติด้วย
แต่จากการนำ Daily return ของดัชนี S&P 500 ในช่วง 30 ปีมา plot ลงบนแผนภูมิแจกแจงความถี่พบว่า การกระจายมีลักษณะคล้ายโค้งปกติแต่มียอดเขาทีสูงชันกว่าและมีหางที่อ้วนกว่า พูดง่ายๆ ก็คือ ผลตอบแทนของหุ้นมีลักษณะของ Fat Tail
ถ้าเราลองสังเกตราคาปกติของดัชนีตลาดหุ้นเราจะพบว่าส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไม่มีข่าวใหญ่ในวันนั้น ดัชนีมักเปลี่ยนอยู่ในช่วงไม่เกินหนึ่งเปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดบ่อยทีสุด แต่ถ้าวันไหนมีข่าวใหญ่มากดัชนีก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ถึงในระดับสองหรือสามเปอร์เซนต์ แต่ก็ไม่บ่อยนัก นี่ก็เป็นลักษณะที่เหมือนกับโค้งปกติทั่วไป
แต่เนื่องจากผลตอบแทนของหุ้นเป็น Fat Tail ด้วย มันจึงมีกรณีสุดโต่งที่ซ่อนอยู่บ่อยกว่าที่เราคิด กรณีสุดโต่งเหล่านี้คือกรณีที่ดัชนีหุ้นเปลี่ยนแปลงในวันเดียวเกิน 10% กรณีเหล่านี้แม้จะเกิดขึ้นได้น้อยแต่ก็เกิดขึ้นได้บ่อยกว่าที่นักลงทุนคิดเนื่องจาก Fat Tail
พวก Financial Engineer ที่คำนวณ VaR มักสมมติให้ผลตอบแทนของหุ้นเป็นโค้งปกติ การทำเช่นนี้จะทำให้ผลที่ได้มักจะ underestimate กรณีสุดโต่งไปมาก พวกเขาจะรู้สึกประหลาดใจมากในวันที่กรณีสุดโต่งมาถึง เพราะพวกเขาจะพบว่ากลไกป้องกันความเสี่ยงที่ตนได้คำนวณไว้แล้วอย่างดีมักจะเอาไม่อยู่
นอกจากนี้ Fat Tail ยังหลอกให้นักลงทุนรู้สึกว่าการเล่นมาร์จินนั้นจะช่วยทำให้ risk-adjusted return ของนักลงทุนสูงขึ้นได้ Leverage ช่วยทำให้ผลตอบแทนในวันส่วนใหญ่ที่เป็นวันปกติของการเล่นมาร์จินสูงกว่าการไม่เล่นมาร์จิน ผลตอบแทนที่สูงขึ้นนี้แลกมาด้วยความเสี่ยงที่จะขาดทุนหนักขึ้นเป็นทวีคูณในวันที่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ความเสี่ยงที่ว่านี้ก็คือความเสี่ยงที่จะโดน Force sell ในช่วงที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดกับตลาดหุ้นเลยติดต่อกันหลายๆ ปี นักลงทุนจะค่อยๆ เริ่มรู้สึกว่า การเล่นมาร์จินนั้นมี Value added มากขึ้นทีละน้อย
อันที่จริงผมสังเกตเห็นว่า การลงทุนแทบทุกชนิดมีลักษณะเป็น Fat Tail อย่างรุนแรง ลองคิดถึงการ write options ดูสิครับ เวลาคุณ write call options ให้ใครสักคนหนึ่ง คุณจะได้กิน premium เปล่าๆ ประมาณ 95% of the time ส่วนอีก 5% of the time นั้น options ที่เขียนไว้จะ in the money และทำให้เจ้ามืออย่างคุณต้องขาดทุนมหาศาล เป็นต้น
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย Fat Tail ที่เกิดขึ้น 3 ครั้งติดต่อกันในเวลาอันสั้นทำให้ผลตอบแทนที่เคยรุ่งโรจน์ของทุกคนลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย แต่เอาเถอะ Fat Tail มีทั้งทางลบและทางบวก ผมสังเกตเห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จกับหุ้นอย่างสูงส่วนใหญ่แล้วมักจะรวยมาจากการซื้อหุ้นครั้งสำคัญแค่ไม่กี่ครั้งในชีวิตทั้งสิ้น อย่างวอเรน บัฟเฟต เองก็รวยมาจากการซื้อหุ้นแค่ 5-6 ครั้ง เท่านั้น ครั้งอื่นๆ อีกนับครั้งที่ไม่ถ้วนที่เขาซื้อตลอดชีวิตของเขานั้นแทบจะไม่มีนัยสำคัญอะไรเลย (ต่อให้เขาไม่ซื้อครั้งเหล่านั้นเลยก็ไม่ได้ทำให้ความรวยของเขาผิดไปจากตอนนี้มากนัก) ดังนั้น การซื้อหุ้นครั้งที่ทำให้คุณรวยขึ้นอย่างมหาศาลนั้นแต่ละคนเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน บางคนเข้ามาปีแรกเจอเลย บางคนขาดทุนสิบปีติดต่อกันมาได้ปีที่ 11 ปีเดียวรวยไปเลยก็มี ดวงใครดวงมันไม่ต้องไปอิจฉาคนอื่น ช่วงนี้ทุกท่านอย่าพึ่งถอดใจคิดว่าตัวเองล้มเหลว ที่จริงแล้วอาจเป็นเพราะครั้งสำคัญในชีวิตของคุณยังมาไม่ถึงเท่านั้นเองครับ
สู้ต่อไปนะครับ เจงกิ
สู้ไม่ถอยอยู่แล้วววว
แต่ตลาดเราจะมี fat tail อีกกีครั้งนะในปีนี้ ทั้งเรื่อง นอมินี เรื่องปฏิวัติซ้ำซ้อน เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องถอนปตทออกจากตลาด
ถ้าใครรอดจากปีนี้ได้โดยไม่เจ็บตัวก็ถือเป็นผู้เยี่ยมยุทธมากๆเลย
ปล. ผมแอบเก็บหุ้นที่นายถือไปนิดหน่อยแล้ว ขอร่วมขบวนไปด้วยนะ แต่ปีนี้สงสัยจะฟุบ ไม่เป็นไร จะหลับตาปี๋ไปห้าปีแล้วค่อยมาดูกัน
ลงชื่อ สาวกใหม่ฮาทองเมีย
แฟนผมเคยไปให้หมอดูดูหมอครับ (ตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ด้วย) หมอดูไม่ทำนายดวงแฟนผมเลย เอาแต่ทำนายดวงแฟนของแฟนผม (ซึ่งก็คือผมเอง) หมอดูทำนายว่า "แฟนหนูน่ะ อีก 7 ปีถึงจะรวยอย่างที่หวังเอาไว้" ผมเลยถามแฟนไปว่า "เอาดวงผมให้ดูเหรอ?" ซึ่งได้รับคำตอบว่า "เปล่า" ผมงี้สาธุเลย ขอให้จริง ๆ ที่เถอะฟระ อีก 7 ปี fat tail เข้าทางผมจริง ๆ ด้วยเทิ้ด สาธุ ๆ ๆ ๆ
อ้อ ลืมไป แหะ ๆ ช่วงนี้เขาเล่น Blog Tag กันครับท่านสุมาอี้ ผมลั่นไกใส่ท่านสุมาอี้นัดนึงด้วยล่ะ เล่นต่อเลยแล้วกันนะ เหอ ๆ ^o^
Blog Tag คืออะไรครับ
เขาเล่นกันงี้ครับ เมื่อถูก blog tag จาก blog อื่น tag ใส่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เล่าความลับ 5 อย่างตัวเอง ที่คนทั่วไปไม่รู้ออกมา จากนั้นก็ทำลิงค์ไปหาบล็อกเกอร์รายอื่นที่มีบล็อกอีก 5 รายครับ เหมือนจดหมายลูกโซ่อ่ะครับ
มารอท่านแม่ทัพรับ แท็ก
อันนี้ที่ท่านแม่ทัพโดน http://www.peetai.com/archives/287/#comments
ตามด้วยสถานะ แท็กทั่วไทยในปัจจุบัน ถ้าเกิดนึกครึ้มจะตามอ่าน http://www.keng.ws/files/blog-tag_trace.html
ส่วน entry นี่ยังงงๆ เดี๋ยวขออ่านอีกรอบ แล้วผมจะเอาคำถามมาถามนะครับ (หลังๆชักตามไม่ทัน) ^^
ถามต่อครับพี่ไท้ คือว่าแล้วผมจะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองได้รับ blog tag ดูตรงไหนครับ
ดูไม่ได้หรอกครับ การที่ท่านสุมาอี้จะรู้ว่าตนเองโดน blog tag จะมีเพียงแค่สองวิธีเท่านั้นคือ
ท่านสุมาอี้ ขยันไปเยี่ยมเยียนบล็อกต่าง ๆ แล้วพบว่ามีคนทำ blog tag มาถึง และ
คนที่ blog tag มาหาท่านสุมาอี้ มาแจ้งให้ท่านสุมาอี้ทราบครับ อย่างผมเป็นต้น
^o^ ตอนนี้เขากำลังฮิตครับ ไอ้เจ้า blog tag เนี่ย
เข้าใจล่ะครับ งั้นเดี๋ยวจะรับลูกครับ
ตอนแรกว่าจะส่งให้เหมือนกัน มีคนตัดหน้าก่อน
กำลังจะยิงมาให้ อ้าว โดนไปซะแล้ว
fat tailล่าสุดมาแล้วครั น้ำท่วมกรุง2011 บริษัทประกันอ้วกไปตามๆกัน