ลักษณะจำเพาะอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นไทยคือ มีหุ้นพลังงานเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่มาก ยิ่งถ้านับรวมพวกหุ้นปิโตรเคมีซึ่งมีน้ำมันเป็นวัตถุดิบเข้าไปอีก ก็อาจจะมากถึง 1 ใน 3 ดังนั้นเวลาที่ราคาน้ำมันผันผวน ราคาน้ำมันก็สามารถลาก SET ให้วิ่งไปในทิศทางเดียวกันได้ไม่ยาก
บังเอิญว่าราคาน้ำมันทุกวันนี้ก็ผันผวนมากเสียด้วย มันเคยวิ่งจาก 140 ลงมาเหลือแค่ 30 กว่าแล้วกลับขึ้นไปใหม่ที่ 70 เหรียญ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ปีเดียว เมื่อราคาน้ำมันผันผวนขนาดนี้ หุ้นพลังงานก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อทิศทางของ SET มากเข้าไปใหญ่
เวลาหุ้นพลังงานขึ้นแรงจนทำให้ SET ปรับตัวขึ้นไปมากๆ หุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มอื่นๆ จะ lag SET มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวก Trader รีบเข้าไปซื้อเก็บ เพื่อปิด gap ระยะสั้น ทั้งที่หุ้นบิ๊กแคปเหล่านั้นไม่ใช่หุ้นที่เกี่ยวข้องอะไรกับน้ำมัน ทำให้ SET ยิ่งวิ่งขึ้นไปอีก สุดท้ายแล้ว SET ทั้งตัวก็เลยเคลื่อนไหวไปตามราคาน้ำมันซะงั้น เรื่องนี้ทำให้เราต้องนั่งงงกันอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมเวลาน้ำมันแพงเอาๆ หุ้นธนาคารกลับยิ่งขึ้นเอาๆ ไม่รู้ว่าน้ำมันแพงมันไปช่วยให้ธนาคารดีขึ้นได้อย่างไร
หันมามองเศรษฐกิจของประเทศไทย ลักษณะจำเพาะของเศรษฐกิจบ้านเราก็คือเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก แต่หากไปพิจารณาที่ SET แล้วกลับเห็นว่า หุ้นส่งออก ได้แก่ กลุ่มยานยนต์และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสองกลุ่มรวมกันกลับมีน้ำหนักน้อยมากใน SET (ไม่ถึง 10%) ในขณะที่ เมื่อน้ำมันแพงขึ้น การนำเข้าน้ำมันเมื่อคิดเป็นมูลค่าจะสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกับหุ้นน้ำมันและดีกับ SET แต่การนำเข้าเป็นสิ่งที่หักออกจากจีดีพี ดังนั้นยิ่งน้ำมันแพงมากเท่าไร กลับทำให้จีดีพีของประเทศยิ่งดูไม่ดีมากเท่านั้น
สรุปแล้ว ทุกวันนี้ SET จึงสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยน้อยมาก บางคนเห็นธุรกิจรอบๆ ตัวซบเซา คนเดินห้างน้อยลง แล้วจะเอามาใช้เป็นเหตุผลในการมองว่า SET จะเป็นยังไงต่อไปนั้น ก็ต้องบอกว่า เป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ผล เพราะตลาดหุ้นไทยมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศน้อยมากๆ บ้านเรายังไปไม่ถึงจุดที่การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็น norms ของบริษัททั่วไป เหมือนอย่างในประเทศที่พัฒนาแล้ว หุ้นอุปโภคบริโภคที่เป็นที่นิยมจำนวนมากของบ้านเรายังคงเลือกที่จะอยู่นอกตลาดหุ้นอยู่ เมื่อปีที่แล้ว เราก็ได้เห็นกันแล้วว่า ราคาน้ำมันที่ 140 เหรียญทำเอาเศรษฐกิจในประเทศซบเซาหนัก เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด แต่แทนที่จะทำให้ SET แย่ SET กลับวิ่งไปสร้างสถิติสูงสุดใหม่ที่ 925 จุด เพราะราคาน้ำมันตัวเดียว นี่ย่อมพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้น้ำมันจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมแย่ลง แต่เมื่อ net กันแล้ว น้ำมันแพงกลับเป็นผลบวกกับ SET มากกว่า
ไปๆ มาๆ การใช้ปัจจัยพื้นฐานวิเคราะห์ SET ทั้งตัว เช่น ถ้าจีดีพีไม่ดีแล้ว SET จะต้องไม่ดีตามนั้น เป็นอะไรที่ไม่น่าจะเวิร์ค ปัจจัยพื้นฐานควรเอาไว้ใช้วิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัวหรืออย่างน้อยก็เป็นรายกลุ่มเท่านั้น บอกอะไรเกี่ยวกับ SET ไม่ได้ครับ