บ้านเราเป็นประเทศที่ส่งออกรถยนต์มาก และตลาดในประเทศก็ค่อนข้างใหญ่ และมีการเติบโตในส่วนของรถสี่ล้อ อย่างไรก็ตาม โรงงานประกอบรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างประเทศล้วนๆ รวมทั้งซัพพลายเออร์ทางตรง (tier 1) ของโรงงานรถยนต์ก็เป็นคู่ค้าที่มาจากต่างประเทศด้วย ดังนั้นหุ้นรถยนต์ในบ้านเราส่วนใหญ่จะเป็นซัพพลายเออร์ลำดับที่สองที่ขายชิ้นส่วนให้กับ tier 1 มากกว่า (tier 2, 3) ทำให้กำไรอาจจะไม่สูงนัก แต่เติบโตไปตามตลาดรถยนต์ได้
นอกจาก SAT และ STANLY ที่เคยกล่าวถึงไปแล้ว ขอกล่าวถึงหุ้นยานยนต์ตัวอื่นๆ แบบสั้นๆ
AH บริษัทสัญชาติไต้หวัน ธุรกิจมีสองส่วนใหญ่คือ โรงงานชิ้นส่วนยานยนต์(เน้นช่วงล่างรถกระบะ) กับเป็นดีลเลอร์รถยนต์หลายยี่ห้อ ลูกค้ารายใหญ่คือ Isuzu (ครึ่งหนึ่งของรายได้)
CWT ทำเบาะรถยนต์ เน้นรถยนต์ขนาดเล็ก ในอดีตเคยประสบปัญหาเนื่องจากขยายเกินตัว ปัจจุบันเริ่มกลับมาแล้ว โดยเป็นผู้บริหารรุ่นที่สอง
IHL ทำเบาะรถยนต์ เน้นรถยนต์ขนาดใหญ่ มีลูกค้าสำคัญคือโตโยต้า
TSC ทำสายไฟควบคุมภายในรถยนต์และมอเตอร์ไซต์ ให้กับหลากหลายยี่ห้อ
IRC ทำยางรถยนต์ ต้นทุนผันผวนตามทั้งราคายางและราคาน้ำมัน เพราะยางสังเคราะห์ใช้ทั้งยางธรรมชาติและปิโตรเลียมเป็นวัตถุดิบ
GYT เป็นบริษัทลูกของยางกู้ดเยียร์ ผลิตยางทั้งขายในประเทศและส่งออก
HFT ทำยางจักรยานและจักรยานยนต์
TRU รุ่งเรืองมาจากตลาดดัดแปลงตัวถังรถกระบะ แต่ต่อมาตลาดลดความนิยมลง บริษัทจึงปรับตัวหันมาทำโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ทั่วไปแทน และปัจจุบันสามารถผลิตรถยนต์ลักษณะคล้ายรถตรวจการทหารในนาม TR Transformer ได้ด้วย
TKT ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หลากหลายชนิด มีโตโยต้าเป็นลูกค้าใหญ่กว่าครึ่ง แต่ในอนาคตน่าจะเติบโตไปทางฟอร์ด หรืออีซูซุ เพิ่มขึ้น
PCSGH ผลิตระบบส่งกำลัง ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยี ทำให้มีคู่แข่งขันน้อยราย ลูกค้าเป็นรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ
SPG ทำแบตตอรี่โบลิเดนท์ และนำ้มันหล่อลื่น
EASON รายได้ครึ่งหนึ่งมาจากการเคลือบสีตัวถังรถยนต์และจักรยานยนต์ อีกครึ่งหนึ่งเคลือบสีบรรจุภัณฑ์ ฝาขวด กระป๋อง เครื่องพิมพ์ออฟเซ็ท
TNPC ทำแผ่น PVC รายได้มาจากทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ และรองเท้ากีฬา
AH สัญชาติมาเลย์ครับ
ขออนุญาติเสริมข้อมูลนะครับ IRC เน้นที่ยางนอก ยางในจักรยานยนต์และ ชิ้นส่วนที่ทำจากยางภายในห้องผู้โดยสารในรถยนต์ครับ
อยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันวิเคราะห์หน่อยครับว่าราคายางดิบที่ค่อนข้างถูกจะส่งผลอย่างไรกับราคาขายสินค้าของ IRC เพราะว่าบ.เน้นขายผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในเกรด premium
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ในความเห็นของคุณนรินทร์ : อะไรคือ key ของกลุ่มนี้ครับ การเปิด AEC จะเกิดผลดี ผลเสียอย่างไร และ ความเป็นไปได้ที่อินโดนีเซียจะเป็นแหล่งผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของเอเซีย
ส่วนตัวคิดว่า กลุ่มยานยนต์ จะไม่ค่อยมีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน (DCA) สักเท่าไร คือคิดว่า ยอดขาย และกำไร ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจอย่างมาก พอจะจัดเข้าเป็นหุ้นกลุ่มเกรด B สำหรับบางบริษัทได้บ้างหรือไม่ครับ
กลุ่มนี้เหมือนจะดีเพราะว่าประเทศเราส่งออกรถยนต์เยอะ แต่หุ้นกลุ่มนี้ในตลาดส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ซัพพลายเออร์ของบริษัทรถยนต์ หลายตัวเป็นแค่ tier 2 ด้วยซ้ำ ทำให้ความน่าสนใจของมันด้อยลงไป เพราะพื้นฐานไม่แข็งแรง ก็อาจจะมองได้่ว่า ตัวที่เด่นๆ ของกลุ่มนี้ถือเป็นหุ้นประมาณเกรด B ครับ
กลุ่มนี้ไม่ค่อยได้ติดตามเลย ส่วนตัวไม่ค่อยชอบลักษณะของธุรกิจ แล้วความเห็นคุณนรินทร์ คิดว่าใครคิด number No.1 ใน sector นี้ครับ…..ขอบคุณครับ
STANLY กับ SAT ดูดีกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีเลิศ
ขอบคุณมากๆครับพี่โจ๊ก
ลงลึกบริษัทเพิ่มเติมมาอีกก็ได้นะพี่
หรือเป็นทฤษฎีใหม่ๆเกี่ยวกับการลงทุนเน้นคุณค่าก็น่าสนใจครับ
บ. pcsgh ในปี 56 ที่ผ่านมา ก่อนเข้าตลาดฯ สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้น ได้ถึง 30 % และ อัตรากำไรสุทธิ 26 %
พอมา ปี 57 ไตรมาสแรก อัตรากำไรขั้นต้น ได้ 26 % และ อัตรากำไรสุทธิ 21 %
ถ้าเราแปลความหมายว่า ความสามารถในการแข่งขัน ของ บ. ลดลง ลูกเนื่องจากลูกค้ากดราคา สภาพตลาดรถยนต์ที่ชลอตัวลง หรือการแข่งขันที่รุนแรง พอจะใกล้เคียงมั้ยครับคุณนรินทร์
ปีที่แต่งตัวเข้าตลาด บริษัทต้องพยายามทำให้งบออกมาดีที่สุด เพื่อให้ขายหุ้นจองได้แพงๆ ดังนั้น พอเข้าตลาดมาแล้ว ก็ยากที่จะทำได้ดีเท่ากับปีที่แต่งตัวเขาตลาด ยกเว้นจะเป็นบริษัทที่คิดยาวจริงๆ
ปรากฎการณ์แบบนี้ยังว่าไม่ได้ครับ เพราะใครๆ ก็ทำกัน มันไม่ได้ผิดเสมอไป การทำงบให้ดีที่สุดอาจจะมาจาก ความขยันและตื่นตัว ที่มากเป็นพิเศษ และอื่นๆ เป็น top form ทำให้ปีต่อไปทำให้เกินได้ยาก
หรืออาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ก็ได้ เช่น บังเอิญปีนี้อุตสาหกรรมมันแย่ลงจริงๆ
ตัวนี้ไม่มีข้อมูลครับ ขอเวลาไปทำการบ้านมาก่อน
TSC MAKE CABLE WIRE
NOT HARNESS
สอบถามคุณนรินทร์ nyt น่าจะเป็นหุ้นเติบโต ที่เข้ากับ trend การเติบโตของตลาดผลิตรถยนต์ของไทยที่โตขึ้นเรื่อยๆมั๊ยครับ