ถ้าจะถือว่า BANPU เป็นหุ้นตัวที่ผิดพลาดของพอร์ต 7thLTG ก็คงไม่ผิดนัก และถ้าถามว่า ผมคิดว่า BANPU น่าจะดีขึ้นได้แล้วหรือยัง ผมก็คิดว่า ยัง นะครับ
ถ้าหากพิจารณาจาก ดีมานด์และซัพพลายของถ่านหินโลกในเวลานี้ ก็ยังมีแนวโน้มที่จะ oversupply ต่อไป เพราะประเทศส่งออกถ่านหินหลักๆ ของโลกยังมีแผนที่จะปล่อยถ่านหินออกมาอีกมาก ในขณะที่ดีมานด์ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ราคาถ่านหินจึงมีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไป ส่งผลให้ upside ของ BANPU ยังมีไม่มากนัก แต่ก็ดีตรงที่ downside ก็ไม่ได้มากด้วยเช่นกัน เพราะผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ทั่วโลกในเวลานี้หยุดลงทุนเพิ่มกันหมดแล้ว
ราคาถ่านหินจะเพิ่มมากๆ ได้ต้องเกิดปัญหา geopolitical ในโลกอย่างรุนแรง ซึ่งที่จริงแล้วตอนนี้มันก็มีไม่ใช่น้อย แต่ก็พบว่ายังไม่พอที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นได้เลย แสดงว่าซัพพลายพลังงานของโลกยังล้นอยู่พอสมควร สมมติว่าเกิด demand spike ขึ้นได้จริง ราคาถ่านหินน่าจะทะยานได้ เพราะว่ากว่าจะเพิ่มซัพพลายใหม่ได้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ปี ในขณะที่ทุกรายหยุดลงทุนเพิ่มกันหมดแล้ว แต่เหตุการณ์แบบนั้น ถือว่ายังมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากในอนาคตอันใกล้
ความเสี่ยงที่สำคัญอีกอย่างของบ้านปูคือ คดีความ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน แม้ว่าบ้านปูจะแสดงท่าทีมั่นใจในความถูกต้องของตัวเอง แต่ที่ผ่านมา ก็เห็นมั่นใจ แต่ศาลก็ตัดสินให้แพ้มาโดยตลอด การที่เราไม่รู้แน่ว่า คดีนี้จะถึงที่สุดอย่างไร ทำให้เกิดความเสี่ยงกับหุ้นตัวนี้มาก เพราะแม้ว่าโรงไฟฟ้าหงสาจะเริ่มสร้างรายได้ได้เร็วๆ นี้แล้ว ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้กับบ้านปูมากพอสมควร แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว บ้านปูต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก ก็เท่ากับแทบไม่ได้อะไรจากโรงไฟฟ้านี้เลย คดีความจึงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นของบ้านปูเอาไว้ค่อนข้างมาก
เวลานี้สิ่งที่บ้านปูพยายามทำอยู่ก็คือการประคองตัว และหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะปรับปรุงผลิตภาพการผลิตเพื่อให้เกิดกำไรใหม่ๆ ที่เกิดจากการลดต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นการเติบโตที่มีเพดานจำกัดค่อนข้างมาก นอกจากนี้ บ้านปูก็พยายามมองหาธุรกิจพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งไม่น่าจะใช่ oil sand แต่น่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่า อย่างไรก็ตาม โปรเจ็คเหล่านี้มี size ที่ไม่ใหญ่นัก จึงไม่สามารถสร้างการเติบโตที่ดูมีนัยสำคัญให้กับบ้านปูได้เลย
อย่างไรก็ตาม ผมเลือกที่จะคงหุ้นตัวนี้ไว้ในพอร์ต 7thLTG ต่อไป เพราะอย่างไรเสีย บริษัทนี้ก็ยังเป็นบริษัทที่มีการจัดการที่ดีอยู่ และเป็นหุ้นไทยที่มีความเป็นบริษัทข้ามชาติสูง ช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตได้ ที่ผ่านมาใครจะไปคิดว่า Shale Gas จะโผล่ขึ้นมาเปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานของถ่านหินได้อย่างมีนัยสำคัญขนาดนั้น ต้องถือเป็นความซวยของบริษัทอย่างหนึ่ง ซึ่งมาประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่อ่อนลงพอดีอีก แต่ก็ต้องทำใจไว้เลยว่าหุ้นตัวนี้คงยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับมาได้
อีกประเด็นหนึ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้คือ แม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงอย่างรุนแรงมาก แต่บ้านปูแทบไม่ได้ทำให้พอร์ต 7thLTG เสียหายเลย เวลานี้ขาดทุนสะสมอยู่ราว 30% แต่เนื่องจากมันมีนำ้หนักแค่ 20% ของต้นทุนพอร์ตเท่านั้น จึงทำให้มันสร้างผลขาดทุนให้กับพอร์ตแค่ 6% เท่านั้น ซึ่งถือว่าแทบไม่มีนัยสำคัญอะไรเลยสำหรับพอร์ตหุ้น นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง การไม่ซื้อเฉลี่ยขาลงเพิ่ม และการซื้อหุ้นแบบ DCA ซึ่งช่วยปกป้องเราจากความเสียหายที่เกิดจากการเลือกหุ้นผิดได้เป็นอย่างดีมาก เทียบกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ลงทุนแบบนี้แล้วซื้อบ้านปูไป บ้านปูสร้างความเสียหายให้กับพอร์ตแบบอื่นได้อย่างมากมายมหาศาล ทั้งที่เป็นหุ้นตัวเดียวกัน จะได้เห็นว่า 7thLTG ไม่ใช่วิธีลงทุนที่ความเป็นความตายของพอร์ตขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้นได้ถูกตัว จึงเป็นวิธีที่ปุถุชนธรรมดาก็สามารถมีผลตอบแทนที่ดีได้
พูดถึงหุ้น Commodity
อยากให้พี่วิเคราะห์ ยางพารา ด้วยจังครับ ^^
จากที่อ่านผมว่า Banpu วิกฤตมาก เนื่องจาก Product หลักๆของบ้านปู ก็คือถ่านหิน การที่บ้านปูจะหาพระเอกคนใหม่มาช่วยกระจายความเสี่ยงนับว่าเป็นเรื่องดี แต่เริ่มแรก บ้านปูไม่ได้มี Know How มากนักเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกอื่นๆ (ถ้าเทียบกับถ่านหิน) ดังนั้นการจะก้าวไปเหยียบเรือลำใหม่ก็ต้องค่อยๆหยั่งเท้าลงไปลองเชิง ถ้าเรือลำนั้นเวิร์ค ดี ไม่รั่ว ไม่จม ถึงจะทิ้งน้ำหนักเท้าเพิ่มลงไปได้
ดังนั้นถ้าพี่นรินทร์มองว่า บ้านปูจะหยั่งเท้าไปในทางเลือกด้านโซล่า ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ผมเคยอ่านธุรกิจโซล่า (จากบล็อคพี่นี่ล่ะ) เป็นธุรกิจที่ เมื่อ COD เรียบร้อยแล้ว ปีแรกจะกำไรดี ปีต่อๆไปค่าไฟจะลดลงตามลำดับ หากไม่มีการขยาย Site เพิ่ม หรือเพิ่มจำนวน MW ก็จะทำให้รายได้อนาคตหดลงแน่นอน จึงมองว่าไม่น่าจะเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องได้หากปราศจากการขยายจำนวน MW
Chief operating officer Voravudhi Linananda said Banpu studied the possibility of developing a solar power project in Japan, China and Thailand. Investment in Japan is likely to be finalised early next… (บางส่วนจาก Bangkok Post)
แต่ช่วงนี้เพิ่งเป็นช่วงเริ่มต้น ฉะนั้นน่าจะเติบโตได้อีกเยอะ และดูจากแผนของบ้านปูแล้ว น่าจะมีการขยายจำนวน MW ทั้งใน ญี่ปุ่น จีน และไทย ถ้า Solar มันเวิร์คจริงๆ บ้านปูจะลงมาเล่นเต็มตัวก็คงดีไม่ใช่น้อย
banpu ในพอร์ต dca ผม เริ่มซื้อเมื่อต้นปี 2013 ตอนราคา 373 แต่ซื้อทุกเดือนก็สามารถทำให้ต้นทุนปัจจุบัน เหลือแค่ 31กว่าๆ ได้ ตอนนี้ก็ไม่ขาดทุน แต่นับว่าผลตอบแทนน้อยพอๆกับ cpf ที่ซื้อมาตั้งแต่แรกเริ่ม (ปี 2010) แต่ตัวที่ ผลตอบแทนน้อยสุดในพอร์ตคือ intuch ที่เริ่มซื้อกลางปี 2012 นับรวมปันผล ยังขาดทุนอยู่ 1-2% แต่ 3 ตัวนี้เทียบไม่ได้เลย กับตัวที่ high performance อย่าง AOT/BH/BGH/MINT ทำให้พอร์ตเฉลี่ย ผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ที่นับว่าสูงมากคับ
9-9-2014 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องบ้านปูคดีหงสา
นับว่าเป็นข่าวดีครับ
ถ้าไม่มีเรื่องฎีกา จะดีไหมครับ
ขอความเห็นหน่อยน่ะครับ เพราะการที่ ราคาน้ำมันดิบลดลงมาจากระดับที่เคยยืน อยู่ ประมาณ 100 ไปเป็น ต่ำกว่า 80 us จะเป็น Threat ตัวใหม่ ใหมครับ เพราะมันจะกดดัน commo ทุกตัวที่เกี่ยวข้องกันและหาก ราคาน้ำมันยืนอยู่แถวนี้ (ต่ำกว่า 80) พื้นฐานของบ้านปูจะเปลี่ยนไปแบบ มีนัยสำคัญ ใหมครับ ขอบคุณครับ
แน่นอนครับ เป็นข่าวร้ายกับ BANPU อย่างแน่นอน
บวกกับ กระแสต่อต้านโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน เริ่มได้ยิน เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เฉพาะในไทย การลงทุนใน banpu จึงไม่น่าเป็นไปตาม mega trend ใช่ใหมครับ
ใช่ครับ ผมว่าหุ้นพลังงานทั้งหมดไม่น่าสนใจมากนักในเวลานี้ เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ได้โตอีกอย่างเมื่อก่อน เว้นเสียแต่ว่าราคาน้ำมันจะลงไปต่ำมากจนถูกเกินไปแล้วเท่านั้น
ลองมโน น่ะครับ หรือ ราคาพลังงาน โลกตอนนี้ กำลังปรับตัว หรือจัดสมดุลย์ ใหมให้ เข้ากับ demand supply รวมทั้ง shale gas shale oil หรือแม้กระทั่ว พลังงาน ทดแทนด้วย