ช่วงนี้มีคำถามหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหาผมเยอะมาก คือ หมดยุคทองของ VI แล้ว ทำยังไงดี?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อยากจะทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า คำว่าหมดยุคทองน่าจะหมายถึงอะไร
คำว่าหมดยุคทองที่ว่านี้ หมายความว่า ตลาดหุ้นไม่ได้มีหุ้นที่ทั้งพื้นฐานดีมากๆ และราคาถูกมากๆ ในเวลาเดียวกันให้ซื้อเต็มตลาดไปหมด เหมือนอย่างเมื่อสิบปีที่แล้ว เพราะสมัยนั้น ตลาดหุ้นยังเป็นสิ่งที่คนทั่วๆ ไป มีทัศนคติในเชิงลบอยู่ ทำให้แม้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีแค่ไหน ราคาหุ้นก็ไม่สูง เพราะคนทั่วไปไม่เห็นคุณค่า เห็นแต่ความเสี่ยง
แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นได้เปลี่ยนมาเป็นทางเลือกที่มีอยู่ไม่มากนักของคนทั่วไปไปเสียแล้ว เวลานี้ใครๆ ก็อยากเอาเงินมาถมลงในตลาดหุ้น เรียกว่า แย่งกันซื้อ ขนาดหุ้นที่ผลประกอบการไม่ดี ราคายังพุ่งปรี๊ดๆๆๆ เลย ฉะนั้น หากเราจะคาดหวังว่าจะซื้อหุ้นพื้นฐานดีๆ ในเวลานี้ ในราคาที่ถูกมากๆ ด้วย เพื่อที่อีกสิบปีข้างหน้า เราจะได้กำไรจากมันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ก็ดูจะเป็นความคาดหวังที่ลมๆ แล้งๆ เพราะสอดคล้องกับสถานการณ์จริงในเวลานี้เท่าไร
ฉะนั้น สิ่งแรกที่ควรปรับตัวก็คือ ความคาดหวัง คือ เราไม่อาจคาดหวังผลตอบแทนได้มากเหมือนสิบปีก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหุ้นไทยจะถึงขั้นลงทุนไม่ได้ หรือไม่ใช่การลงทุนที่ดีเมื่อเทียบกับหนทางอื่น เพียงแต่แทนที่มันจะให้ผลตอบแทนเราได้ 15-20% เฉลี่ยต่อปี เราอาจคาดหวังได้แค่ 10% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งก็ยังนับว่าดีกว่าการลงทุนวิธีอื่นๆ อยู่ดี ข้อสงสัยที่ว่าตลาดหุ้นไทยจะเลวร้ายขนาดตกต่ำเลยหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ แต่ยังไม่คิดว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่ได้มีปัจจัยอะไรเลยที่ทำให้ผมคิดอย่างนั้นได้ คิดว่าการคาดหวังผลตอบแทนราวๆ 8-10% ต่อปีในช่วงห้าปีข้างหน้า น่าจะเป็น the best GUESSimated scenario ครับ (เห็นด้วยกับ ดร.นิเวศน์ ครับ)
ผมมีความเห็นว่า ในเมื่อเราประเมินว่า ต่อจากนี้ไป หุ้นดีจะไม่ถูกมาก เราก็ควรปรับกลยุทธ์การลงทุนของเราให้สอดคล้องตามด้วย การหันมาซื้อหุ้นแบบ DCA ก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง เพราะทำให้เราซื้อหุ้นได้ตลอดเวลา แบบปลอดภัยพอสมควร ดีกว่ารอซื้อหุ้นดีที่ราคา 50% MOS แต่สุดท้ายแล้ว 10 ปี ก็ยังไม่ได้ซื้อ เพราะว่าหุ้นไม่เคยลงมาถูกมากขนาดนั้นอีกเลย เป็นต้น เคล็ดลับของการซื้อหุ้นแบบ DCA คือ ต้องซื้อติดต่อกันในนานๆ เช่น 5 ปีขึ้นไป เพื่อให้ได้ต้นทุนถัวเฉลี่ยที่เป็นระยะยาวมากที่สุด ต้องเปลี่ยนความคิดว่าหุ้นมีไว้ซื้อๆ ขายๆ มาเป็นความคิดที่ว่า เราจะสะสมหุ้นดีๆ ไปเรื่อยๆ และมากขึ้นเรื่อยๆ ไปตลอดชีวิตจนถึงวัยเกษียณเลย
เวลาจะเอา DCA มาปรับใช้นั้น ไม่จำเป็นว่า คุณจะต้องเลิกเล่นหุ้นแบบเดิมไปทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาเป็น DCA 100% ถ้ายังไม่สะดวกใจ อาจใช้วิธีแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาสร้างพอร์ต DCA ไว้บ้าง อย่างน้อยก็เป็นการประกันว่าเราจะได้ผลตอบแทนที่ไม่แพ้ตลาดในระดับหนึ่งในกรณีที่พอร์ตหลักของเราผิดพลาดก็ได้ เพราะอย่างน้อยเราก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่เราลงทุนแบบ DCA ไว้ ทำให้ได้ผลตอบแทนไม่ต่างจากตลาดมากจนเกินไปนัก
หรือบางคนก็ใช้วิธี ลงทุน DCA ในภาวะปกติ เก็บเงินส่วนใหญ่ไว้ก่อน รอให้ตลาดหุ้นตกหนักมาก ค่อยนำเงินก้อนใหญ่มาลงทุนสักครั้งหนึ่ง วิธีนี้ช่วยให้เรารอซื้อของถูกได้ แบบไม่ร้อนใจมากจนเกินไป และยังไม่เสียโอกาสในการลงทุนไปทั้งหมดในช่วงที่ตลาดหุ้นแพงด้วย ถือเป็น best of both worlds เลย