ลงทุนระยะยาวอย่าดูผลประกอบการ

อาจฟังดูแปลกๆ แต่สำหรับการลงทุนระยะยาว อย่าเลือกหุ้นหรือตัดสินใจอะไรโดยดูจากผลประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตาม

นักลงทุนไม่ควรมองผลประกอบการในอดีตอยู่แล้ว อย่างที่เขาบอกว่า ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้การันตีอนาคต บริษัทที่รุ่งเรืองในอดีตไม่ได้แปลว่าอนาคตจะรุ่งเรือง การตัดสินใจซื้อขายหุ้นโดยดูจากงบการเงินในอดีตเปรียบเสมือนคนที่ขับรถโดยมองกระจกหลัง มูลค่าปัจจุบันของบริษัทมีค่าเท่ากับค่าปัจจุบันของผลรวมของกระแสเงินสดอิสระในอนาคตทั้งหมดรวมกัน ไม่มีอะไรในมูลค่าบริษัทที่เกี่ยวกับอดีตของบริษัทเลยแม้แต่น้อย

ผลประกอบการในงวดปัจจุบันก็ไม่ได้ใช่ตัวบอกว่าหุ้นน่าซื้อหรือไม่เช่นกัน สมมติว่าอยู่ดีๆ ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง 50% แต่ผลประกอบการหุ้นน้ำมันในปัจจุบันจะยังไม่สะท้อนราคาน้ำมันนี้ทันที เพราะผลประกอบการในปัจจุบันยังขึ้นอยู่กับสัญญาขายน้ำมันที่ทำไว้ในอดีต จนกว่าสัญญาเหล่านั้นจะหมดอายุลงราคาขายน้ำมันถึงจะสะท้อนราคาน้ำมันใหม่ ถ้าเรามองผลประกอบการปัจจุบันที่ยังดีอยู่แล้วบอกตัวเองว่า พื้นฐานยังไม่เปลี่ยนเลยไม่ขายหุ้น แบบนี้เราจะกลายเป็นคนสุดท้ายในตลาดเสมอ เพราะกว่าผลประกอบการจะแย่ลงให้เห็นอาจเป็นอีกหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งราคาหุ้นร่วงไปก่อนนานแล้ว

แม้แต่ผลประกอบการในอนาคตก็ไม่ใช่ตัวชี้วัดเช่นกัน คนที่เล่นหุ้นโดยดูผลประกอบการในอนาคต (ประมาณการกำไรในอนาคต) คือคนที่ลงทุนระยะสั้น เช่น หนึ่งปี ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในหมู่นักลงทุนสถาบัน ที่มองหุ้นทีละหนึ่งปี กำหนดราคาเป้าหมายหนึ่งปีข้างหน้าไว้โดยดูจากประมาณการกำไรหนึ่งปี แล้วถ้าประมาณการกำไรถูกปรับขึ้นหรือลดลง ก็ค่อยปรับราคาเป้าหมายขึ้นและลงตามไปเรื่อยๆ (ถ้าประมาณการถูกปรับลดลง ก็ขาดทุน) แบบนี้ก็เป็นการลงทุนแบบปีต่อปี ไม่ใช่การลงทุนระยะยาว อีกทั้งการให้ค่าหุ้นตามโปรเจ็คการเติบโตยังทำให้เรามีแนวโน้มที่จะซื้อหุ้นตอนแพง ต่างจากการมองที่โมเดลธุรกิจเป็นหลักที่ทำให้เราไม่ต้องแย่งกันซื้อหุ้นกับคนอื่นในตลาด

แทนที่จะดูผลประกอบการ นักลงทุนระยะยาวควรหันมาพิจารณาว่า บริษัททำธุรกิจอะไร ใครคือลูกค้า ลูกค้าจะเพิ่มขึ้นได้อีกมั้ย เพราะอะไร ธุรกิจมีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน โมเดลธุรกิจเป็นอย่างไร เหล่านี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่นักลงทุนระยะยาวควรพิจารณาเวลาลงทุน

พูดอีกอย่างคือ การลงทุนระยะยาวต้องวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ถ้าหากตอบคำถามสั้นๆ ไม่เกินหนึ่งย่อหน้าไม่ได้ว่าทำไมธุรกิจนี้จึงเป็นธุรกิจที่ดี หรือทำไมหุ้นตัวนี้จึงน่าซื้อ ก็ไม่ควรลงทุนในหุ้นตัวนั้น

การลงทุนโดยดูจากผลประกอบการ เป็นเกมที่ยาก เพราะนักลงทุนสถาบันอาจมีข้อมูลที่ดีกว่าเรา เช่น สามารถเข้าประชุมนักวิเคราะห์ได้ หรือสนิทกับ IR ของบริษัทเป็นการส่วนตัว ทำให้รู้ผลประกอบการล่วงหน้าได้ก่อนคนอื่น จึงไม่ใช่เกมที่นักลงทุนรายย่อยควรจะเข้าไปเล่น ตรงกันข้ามการเลือกหุ้นโดยพิจารณาจากลักษณะธุรกิจ ช่วยทำให้เราไม่ต้องแข่งกับคนอื่น และไม่ต้องซื้อหุ้นเกินราคาเพราะบริษัทที่มักประเมินกำไรในอนาคตไว้สูงๆ เป็นการลงทุนที่มีโอกาสเอาชนะคนอื่นในตลาดมากกว่า ถ้าหากเราเป็นคนที่ “รอได้”