มีพี่นักลงทุนคนหนึ่งเคยพูดตอนที่ตลาดหุ้นมันวิ่งๆ และทุกคนก็เฮโลกันเข้าไปว่า คอยดูเถอะ วันหนึ่งเวลาที่หุ้นตกมากๆ แล้วจะรู้ว่า หุ้นที่ทุกคนเคยบอกว่าพื้นฐานดีอย่างนั้นอย่างนี้ จะไม่มีใครเอาเลย ยิ่งถูกยิ่งไม่มีใครอยากได้ ทั้งที่มันเคยเป็นหุ้นไร้เทียมทานมาก่อน แล้วจะรู้ว่าพื้นฐานที่ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้เป็นแค่ภาพลวงตา ถ้าคนจะไม่เอาหุ้นสักอย่าง หุ้นอะไรก็ไม่เหลือ
ตอนแรกที่ผมได้ยินคำพูดแบบนั้น ผมก็เหมือนกับทุกคน คือรู้สึกว่า พี่เขามองโลกในแง่ร้ายจัง ทำไมไม่คิดบวก คนคิดบวกประสบความสำเร็จเสมอ ไลฟ์โคชสอนไว้ แต่พอได้อยู่ในตลาดมานานพอ ได้เห็นเหตุการณ์ที่ว่าแบบนั้น ซ้ำๆ กันหลายๆ รอบ ถึงได้เห็นว่า พี่เขาพูดด้วยประสบการณ์ที่เห็นตลาดหุ้นมายาวนานกว่าเรามากจริงๆ
บางทีคนที่ขยันหาหุ้นทุกวัน ติดต่อกันสี่ห้าปี และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่พอวันนั้นมาถึง ตลาดหุ้นพังทลาย กำไรที่หามาได้ทั้งหมด ก็หายไปในปีเดียว กลายเป็นขาดทุนเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่บางคนอาจจะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย สี่ห้าปี แต่พอตลาดหุ้นพังทลายก็เข้ามาซื้อแค่ครั้งเดียว แล้วก็อยู่เฉยๆ ไปอีกสี่ห้าปี สรุปแล้วกลับกลายเป็นคนที่ทำกำไรได้อย่างแท้จริงทั้งที่ดูเหมือนแทบจะไม่ได้ออกแรกอะไรเลย
การลงทุนมันแปลกๆ แบบนี้แหละ ทุกอย่างมันดูขัดแย้งกับสัญชาตญาณของเราไปหมด และเราก็มองไม่เห็น ทำให้เหนื่อยฟรีไปเยอะเลย
ผมเคยเห็นบทความหนึ่งที่เขาวิเคราะห์ว่าดัชนี S&P500 ในรอบสิบปี มีช่วงเวลาที่ราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานในทางทฤษฎีอยู่เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น นอกนั้นแพงกว่าพื้นฐานตลอดเวลา ในยุคที่เงินล้นโลก ตลาดหุ้นฟองสบู่ขนาดนี้ การคิดว่าตัวเองเป็นนักลงทุนแนวพื้นฐานก็เหมือนเป็นกับดักเหมือนกัน เพราะคนเรามักถูกสะกดจิตให้ต้องซื้อหุ้นหรือคิดว่ามีหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ในความเป็นจริง หุ้นอาจจะแพงตลอดเวลาอยู่ก็ได้ แต่เราก็รู้สึกแปลกๆ ที่จะบอกว่าหุ้นแพงทุกตัว ไม่มีหุ้นอะไรให้ซื้อ ติดต่อกันเป็นเวลาสี่ห้าปี สุดท้ายแล้วเราก็ซื้อหุ้นแพงไป โดยที่เข้าใจว่าเราซื้อหุ้นเพราะพื้นฐาน อะไรหลายอย่างในตลาดหุ้นทำให้เราผิดพลาด โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย
นักวิเคราะห์ที่ต้องเขียนคอลัมน์แนะนำหุ้นทุกวัน ก็จะมีหุ้นน่าซื้อทุกตัว ทั้งที่ในชีวิตจริงบางช่วงเวลาอาจไม่มีหุ้นอะไรน่าซื้อเลย แต่การที่ต้องเขียนคอลัมน์ทุกวัน ถ้าจะบอกว่าไม่มีหุ้นอะไรน่าซื้อเลยติดต่อกันทุกวันสักสามเดือน บรรณาธิการคงมาไล่เขาออกแน่ๆ ความคิดของเราไม่สามารถเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง
นักลงทุนมักต้องมีเพื่อนที่เป็นนักลงทุนไว้คุยกันด้วย เล่นหุ้นคนเดียวเหงามาก แต่ถ้าหากคุยกันทีไรเราก็บอกว่าตอนนี้ไม่มีหุ้นอะไรน่าซื้อ บ่อยๆ เข้า บรรยากาศก็กร่อย สุดท้ายแล้วเราก็ต้องอยากซื้อหุ้นอะไรสักอย่าง เพื่อให้บทสนทนาในวงหุ้นมีรสชาติ เราติดกรอบพวกนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
เห็นด้วยครับ
หุ้นไทยที่ดังๆ แต่ละตัว P/E แพงทั้งนั้นเลย อย่าง CP ALL P/E30 , AOT 30
ทั้งที่ดูหุ้นจีน ดูแล้วขายได้ทั่วโลก P/E ยังถูกกว่าไทยอีก
Alibaba 21
Netease 25
พี่โจ๊กครับ ผมสงสัยเรื่องการขายสุทธิ ของต่างชาติ คือช่วงหุ้นลงจาก 1700 จุดมาเหลือประมาณ 1000จุด ต่างชายก็ขายสุทธิตลอด..แต่พอเริ่มรีบาวด์ มา1300 (30%) ต่างชาติก็ยังขายสุทธิทุกวันเหมือนเดิม
คือเรายังดูข้อมูลการซื้อ-ขาย สุทธิของต่างชาติ อยู่ได้มั้ยครับพี่?
มีผลน้อยลงกว่าสมัยก่อน เพราะสถาบันในประเทศใหญ่ขึ้นมาก
สุมาอี รอขงเบ้งตาย จึงชนะ
สุมาอี้ เปลี่ยนอาชีพ มาเล่นหุ้น ก็ชนะ เช่นกัน
ส่วนเตียวหุย กวนอู ใจถึง เป็นหลัก มาเล่นหุ้น ก็แพ้