0307: เบน แกรม เปลี่ยนแนว

เบนจามิน แกรม เป็นผู้บุกเบิกแนวการลงทุนโดยอาศัยการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน แนวทางหนึ่งที่เบนแนะนำคือให้นักลงทุนเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า net current asset ของมันมากๆ แล้วถือไว้จนกว่าราคาหุ้นจะขึ้นมาเท่ากับค่าดังกล่าว เป็นต้น คำสอนต่างๆ ของเบนถือว่าเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในหมู่นักลงทุนแนว Value Investing

อย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งที่นักลงทุนอาจไม่เคยทราบคือ ในช่วงบั้นปลายชีวิต เบนจามิน แกรม ได้ละทิ้งวิธีการลงทุนเหล่านั้นไปโดยสิ้นเชิง ข้อความต่อไปนี้แปลมาจากบทสัมภาษณ์ของเบนจามิน แกรม ใน Financial Analyst Journal เมื่อหลายปีที่แล้ว 

“I am no longer an advocate of elaborate techniques of security analysis in order to find superior value opportunities. This was a rewarding activity, say, 40 years ago, when our textbook “Graham and Dodd” was first published; but the situation has changed a great deal since then. In the old days any well-trained security analyst could do a good professional job of selecting undervalued issues through detailed studies; but in the light of the enormous amount of research now being carried on, I doubt whether in most cases such extensive efforts will generate sufficiently superior selections to justify their cost. To that very limited extent I’m on the side of the “efficient market” school of thought now generally accepted by the professors.”

“ผมไม่แนะนำให้ใช้เทคนิควิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างๆ ที่ผมได้อธิบายไว้ในการเสาะหาคุณค่าในตลาดอีกต่อไปแล้ว นั่นเป็นวิธีการที่ได้ผลดีเยี่ยมเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว เมื่อตำราของเราถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปมากแล้ว สมัยก่อนนักวิเคราะห์ที่มีความรู้คนไหนๆ ก็สามารถประกอบอาชีพค้นหาหุ้นด้วยการทำงานหนัก แต่ด้วยปริมาณบทวิจัยที่ออกมาอย่างมากมายในปัจจุบัน ผมสงสัยว่าการทำงานหนักเหล่านั้นจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับต้นทุนของมันได้หรือไม่ ในแง่นี้ ผมอยู่ข้างเดียวกันกับแนวคิดเรื่อง ตลาดมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยอมรับโดยบรรดานักวิชาการ”

(อ่านเวอร์ชั่นเต็มได้ที่ http://www.bylo.org/bgraham76.html )

ใครที่อ่านบทสัมภาษณ์อาจมองว่าเบนเป็นคนโลเล แต่ผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น บทความนี้กลับทำให้ผมได้เห็นว่า เบนเป็นคนที่มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรู้อย่างแท้จริง เพราะโดยปกติแล้ว คนเราถ้าคิดหลักการอะไรขึ้นมาจนมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แล้ววันหนึ่ง เกิดได้รับข้อมูลใหม่ว่า หลักการเดิมของตนใช้ไม่ได้ผลแล้ว ก็มักหรี่ตาเสียข้างหนึ่ง แล้วยืนกระต่ายขาเดียวต่อไปว่าหลักการเดิมของตนยังใช้ได้อยู่ หาไม่แล้วจะถูกลูกศิษย์ลูกหามองว่าเป็นอาจารย์ที่ล้มเหลว แต่เบนไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย แม้เบนจะแก่มากแล้ว และอยู่ในตลาดมามากกว่าหกสิบปี แต่เบนก็ยังคงเป็นคนที่เรียนรู้ความคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ แม้แต่ความคิดเรื่องตลาดประสิทธิภาพ ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดของเขาอย่างสิ้นเชิง เบนก็ยังสามารถเปิดใจรับฟังได้ นับว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง เป็นทองแท้ครับ

เรื่องที่วิธีการของเบนใช้ไม่ได้แล้ว ผมมองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยไม่แต่น้อย เพราะในสมัยที่เบนเริ่มลงทุนนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดยังไม่รู้จักอาศัยข้อมูลงบการเงินในการตัดสินใจเลือกหุ้น ช่องว่างในการทำกำไรด้วยวิธีแบบใหม่นี้จึงยังมีอยู่มาก ต่อมาแนวทางของเบนมีชื่อเสียง มีผู้ลอกเลียนแบบวิธีการของเบนในการหากำไรในตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับตลาดหุ้นพัฒนาขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จึงแพร่หลายทั่วไป อีกทั้งยังมีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยค้นหาหุ้นกันอย่างแพร่หลาย ช่องว่างที่เคยมีอยู่อย่างมากมายจึงหายไปหมด ในตลาดหุ้น วิธีการใดๆ ก็ตามที่มีผู้นำไปใช้มากเกินไปจะใช้ไม่ได้ในที่สุด 

แม้ว่าวิธีการของเบนจะไม่เหมาะกับตลาดทุนยุคใหม่แล้ว แต่บุคลิกของเบนที่เป็นคนพร้อมรับความรู้ใหม่ได้อยู่ตลอดเวลาทั้งที่เป็นนักลงทุนระดับตำนานแล้ว ไม่ว่าความรู้ใหม่นั้นจะขัดแย้งกับความเชื่อเดิมหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นคุณลักษณะที่นักลงทุนน่าจะนำไปเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ลงทุนในแนวเน้นคุณค่า ซึ่งถือเป็นลูกศิษย์สายตรงของเบน แกรม ประสบการณ์ในตลาดทุนต้องใช้เวลาสะสมตลอดชีวิต นักลงทุนจึงต้องหาทางพัฒนาฝีมือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรหยุดอยู่กับที่ครับ

One Reply to “0307: เบน แกรม เปลี่ยนแนว”

Comments are closed.