รอเศรษฐกิจฟื้น

ช่วงนี้หุ้นไทยย่อลงมา และยังกลับไปที่จุดเดิมไม่ได้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างอึมครึมพอสมควร

อันที่จริง ก่อนที่ดัชนีจะย่อลงมา ทุกคนก็ทราบดีว่า พีอี ตลาดไม่ได้ต่ำเลย และเศรษฐกิจไทยก็ดูไม่ดีนัก ภาวะแบบนี้ไม่ต้องมีไอคิวสูงก็รู้ว่าไม่น่าลงทุน แต่เหตุที่ทำให้ไม่มีใครสนใจ เป็นเพราะราคาหุ้นไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นไปตลอด ทิศทางของราคาหุ้นมีผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนสูงกว่าเรื่องปัจจัยพื้นฐานเสมอ ครั้งนี้จึงไม่ได้มีอะไรต่างจากดอยทุกครั้งที่ผ่านมา มันเป็นพฤติกรรมที่ hard-wired อยู่ในสมองของนักลงทุน จึงเปลี่ยนไม่ได้

แล้วดัชนีจะกลับไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้หรือไม่ ถ้าหากดูจากรายได้ของบริษัทจดทะเบียนรวมไตรมาส 1 /2558 พบว่าลดลง 10.83% ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% ถ้าหาก E ยังดูชะลอตัวลง ถ้าราคาหุ้น (P) จะเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ P/E สูงขึ้นไปอีก เดิมก็สูงมากขึ้นแล้ว (20 เท่า สำหรับ SET) ดูเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น ถ้าหุ้นจะไปต่อได้ กำไรน่าจะต้องกลับมาอยู่ในขาขึ้นก่อนเป็นอย่างน้อย เพราะอย่างน้อยก็จะไม่ทำให้ P/E ดูสูงขึ้นไปอีก ตอนนี้จะอาศัยสภาพคล่องล้นระบบอย่างเดียวเป็นตัวผลักดันหุ้น โดยไม่ต้องสนใจว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ เหมือนที่ผ่านมา ก็คงเป็นความคาดหวังที่ดูลมๆ แล้งๆ มากไปหน่อย

แล้วเมื่อไรเศรษฐกิจถึงจะฟื้น?

เท่าที่ฟังข่าว เวลานี้ เสียงที่เชียร์ให้ซื้อหุ้น เพราะหุ้นจะไปต่อไป เพราะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะฟื้นนั้น เขาให้เหตุผลว่า ครึ่งปีหลังรัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณมากขึ้น ซึ่งก็เป็นป้จจัยบวกหลังที่ไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะแต่ก่อนนี้ ปัจจัยนี้ไม่ค่อยได้ถึงยกมาเป็นปัจจัยบวก เป็นไปได้ว่า ตอนนี้หาปัจจัยบวกไม่ค่อยได้ ปัจจัยนี้จึงถูกนำขึ้นมาเล่น เพราะเวลานี้ตัวเลขส่งออกค่อนข้างแย่มาก แม้แต่ภาครัฐเองที่มีหน้าที่พูดให้ดูดี ยังยอมรับว่า ส่งออกรอบนี้อาจเป็นขาลงที่ยาวนานกว่าปกติ ช่วงนี้ยังหวังพึ่งไม่ได้

สัญญาณบวกตัวหนึ่งที่พอจะหาเจอในเวลานี้คือตัวเลขเก็บภาษี VAT ในเดือนเมษายน ที่พบว่าเติบโตขึ้น  11.4% ก็อาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาได้แล้ว (แต่ไม่ทราบว่า ฐานของปีที่แล้วสูงหรือต่ำแค่ไหน เพราะช่วงเมษาปีก่อน เป็นช่วงที่การเมืองวุ่นวายมาก ฐานอาจจะต่ำ ทำให้เป็นบวกได้มาก แต่อย่างน้อยมันก็เป็นบวกไม่ใช่ติดลบ) แต่ตัวเลขเศรษฐกิจตัวอื่นๆ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณดีขึ้นสอดคล้องกับ VAT เลย จึงยังต้องจับตาแบบใกล้ชิดทุกเดือนว่า ตัวเลขอื่นๆ จะเริ่มดีขึ้นตามหรือไม่ ถึงจะแน่ใจได้ว่าเศรษฐกิจในประเทศฟื้นจริง

อีกเรื่องที่พอจะหวังได้คือ ความจริงที่ว่า เศรษฐกิจที่เป็นขาลงนานๆ ก็จะฟื้นตัวขึ้นได้เอง เพราะมือที่มองไม่เห็น ซึ่งเกิดจากการที่ซัพลลายในตลาดลดลงต่ำมาก (ธุรกิจลดการลงทุน) จนทำให้เริ่มตามหลังอุปสงค์ เศรษฐกิจก็จะพลิกเป็นขาขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาทำอะไร เวลานี้เศรษฐกิจไทยก็แย่มานานพอสมควรแล้ว บางทีเวลานั้นก็อาจใกล้จะมาถึงแล้วก็ได้

คิดว่ายังไงๆ รอบนี้ก็ต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นก่อน เพราะการที่หุ้นจะกลับมาวิ่งต่อได้เลย โดยที่กำไรของธุรกิจยังไม่เพิ่ม และทำให้พีอียิ่งสูงขึ้นกว่า 20 เท่าไปอีก นั้น ดูเป็นความคาดหวังที่ลมๆ แล้งๆ ไปหน่อย  

22 Replies to “รอเศรษฐกิจฟื้น”

  1. วันนี้ อันดับหนังสือขายดี ไม่มีคัมภีหุ้นอยู่เลยครับ

  2. ขอสอบถามคุณนรินทร์ ว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลจัดขึ้น ริมชายแดนเช่น แม่สอด สระแก้ว มีประโยชน์อย่างไรครับ

    ผมอ่านจากข่าว ยังมีกลุ่มทุนด้านต่างๆ ไปซื้อที่ดิน หรือ เช่าที่เตรียมขยายกิจการ เช่น กลุ่นห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทำให้นึกว่า กำลังซื้อจะมีพอหรือไม่ ขอบคุณครับ

  3. ก็เชื่อกันว่าการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้านจะสูงขึ้นหลังเปิด AEC บริเวณด่านขนสินค้าชายแดนน่าจะเติบโตสูง แถมได้การสิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐจูงใจให้มาลงทุน ก็ยิ่งทำให้เป็นโครงการที่น่าลงทุนสำหรับเอกชนครับ

    กำลังซื้อเวลานี้อาจจะน้อย แต่เค้ามองว่าอนาคตกำลังจะเพิ่มขึ้นครับ

  4. เดือน เมย เศรษฐกิจถอยลงแน่ๆ เพราะดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม -5%
    เดือน พค นี่เราไม่รู้ เพราะยังไม่เห็นตัวเลข ยกเว้นเงินเฟ้อที่ติดลบ ซึ่งไม่น่าเป็นลักษณะของเศรษฐกิจที่กำลังฟื้น

    ดูแล้วไทยน่าจะยังไม่ฟื้นนะครับ

    ความหวังใหม่ที่ผมพอมองเห็นตอนนี้คือ เงินบาทที่อ่อนลงมาก หวังว่าจะช่วยดึงส่งออกให้กลับมาดีขึ้นบ้าง ต้องรอดูครับ

  5. ได้ข่าวว่ารัฐบาลจะได้ ดร.สมคิดมาร่วมทีมเศรษฐกิจ

    ถ้ามีอิสระในการทำงาน ผมก็เห็นว่า ดร.สมคิดน่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ตรงจุดมากกว่าเดิม

    hope for the best ครับ

  6. ถ้ามีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในปีหน้า พี่นริศให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใดครับ

    1. ถ้าเริ่มปีหน้า กว่าจะเงินลงหนักๆ จริงๆ คืออีกสามปีข้างหน้า กว่าธุรกิจสนับสนุนจะได้ประโยชน์ก็อาจเป็นอีกสองสามปีถัดจากนั้นอีก

  7. ตอนนี่นักลงทุนviหลายท่าน ไปลงทุนเวียดนาม
    ขอมุมมอง ประเทศเวียดนาม จากคุณนริศด้วยครับ

    1. เวียดนามน่าสนใจมาก เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง FDI ก็สูงมาก อาจจะมีปัญหาเรื่องมหภาคนิดหน่อย ในช่วงที่ผ่านมา แต่ผมว่าแก้ไม่ยาก ราคาหุ้นก็ไม่แพงหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ดูแล้วน่าสนใจครับ

  8. พี่นริศคับ ขอบทความ เรื่อง เวียดนาม ให้อ่านซัก 1บทจิคับ

    ขอบคุณมากครับ

    1. สำหรับเวียดนาม ผมคงลงทุนแบบง่ายๆ ซื้อ Index ETF ไปเลย การลงทุนรายบริษัท ต้องศึกษาเชิงลึก หาข้อมูลยาก ไม่แน่ใจเรื่องการทำบัญชี ฯลฯ ลงทั้งตลาดไปเลยง่ายกว่า

  9. กองที่ไปลงที่เวียดนามที่เดียวเลย มีแล้วหลอครับ

    1. เคยสอบถามไม่ยัง บลจ. ต่างๆ พบว่ายังไม่มีนะครับ แต่ถ้า เปิดเป็นกองทุนส่วนบุคคล บาง บล. ก็รับเปิดให้ครับ

    2. ผมลงทุนผ่าน Foreign Account ของโบรกเกอร์ สามารถซื้อเป็นตัวๆ ได้ และเลือกซ์ื้อ ETF

  10. หุ้นปีนี้ ข่าวร้ายจากต่างประเทศ เช่น วิกฤติหนี้สาธารณะ กรีซ อิตาลี่ โปรตุเกส เงียบไปแล้ว กลายเป็น ข่าวร้ายจากภายในประเทศแทน เช่น ศก.ไทยซบเซา ประกอบกับหนังสือเซียนหุ้นได้หายไปจากอันดับหนังสือขายดีแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่า กระแสรวยทันตาเห็นด้วยการเล่นหุ้นหมดไปแล้ว ราคาหุ้นอาจจะทรงๆ หรือ ลงแรงทันทีที่มีข่าวร้ายหนักๆครับ ดังนั้น ช่วงนี้ถ้าถือเงินสดไว้ก่อน รอจังหวะเข้าเก็บก้นเหว ย่อมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
    ผู้กองเบิร์ด

  11. ผมว่าอาการที่หุ้นลงวันนี้ แสดงว่า เงินในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างเป็นเงินเย็น ไม่มีใครโดนบังคับขาย ส่วนทุนต่างประเทศก็ไม่มีใครขาดสภาพคล่อง เป็นการลงในระดับที่ค่อนข้างธรรมดา ถ้าเทียบกับข่าวที่ออกมา ส่วนตัวคิดว่าเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างดี มีเสถียรภาพ

    (คหสต.)

  12. เศรษฐกิจเดือน พค ยังดูไม่ดี

    ส่งออก พ.ค.ติดลบ5.01%รวม5ด. ลบ 4.2%
    สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมพ.ค.หดตัว 7.6% Yo

Comments are closed.