Sector Commentary 1Q18

รู้สึกเหมือนผมมั้ยครับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำหนดกลยุทธ์การใช้ชีวิตหรือการลงทุนยากที่สุดช่วงหนึ่ง มีความรู้สึกเหมือนว่า เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอะไรสักอย่าง ทั้งในแง่เทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมือง คล้ายกับว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะพลิกโฉมไปมากพอสมควร แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เพราะปัจจัยที่กำลังเปลี่ยนแปลงมันเยอะจริงๆ

เรื่องใกล้ตัวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด สำหรับผมคือ ความก้าวหน้าด้านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งรวมไปถ้า e-payment และ sharing economy ด้วย ผู้บริโภคกำลังอ้าแขนรับการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บริการใหม่ๆ อย่าง อูเบอร์ แกร์บ ไลน์แมน ก็กำลังกระตุ้นตลาดอย่างหนัก ก่อให้เกิดความคึกคัก ยังไม่นับ พร้อมเพย์ อาลีเพย์ คิวอาร์โค้ด อีก แน่นอนว่าถ้าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แบบนี้ ย่อมกระทบผู้เล่นหน้าเก่า ทางใดทางหนึ่ง และก่อให้เกิดโอกาสของผู้เล่นหน้าใหม่ ตลอดจนผู้เล่นหน้าเก่าที่ปรับตัวได้ทัน อีกด้วย ธุรกิจที่เราเคยเชื่อว่าเข้มแข็งตลาด 20 ปีที่ผ่านมา จนฝากผีฝากไข้กับมันในตลาดหุ้น ต่อจากนี้ไป อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วนได้เลย ถ้าหากเราปรับความคิดตามความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน

และในกระแสเทคโนโลยีดิจิตอลที่กำลังเข้ามาเวลานี้ ทำให้เราเห็นภาพของจีนชัดขึ้น ในฐานะของผู้นำเทคโนโลยี ต่อไปจีนจะไม่ใช่ผู้ผลิตสินค้าราคาถูกเท่านั้น แต่จะกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีด้วย

สำหรับประเทศไทยเอง ก็เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของการเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก เทรนด์นี้เป็นเทรนด์ที่ต่อเนื่องมานานแล้ว และก็ดูเหมือนจะยังไปได้อีกไกลด้วย ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูงมากทุกปี และถ้าดูเมืองที่มีคนท่องเที่ยวมากๆ มากกว่าจำนวนประชากรของเมือง เช่น บาเซียโลน่า ปารีส ลอนดอน ก็น่าจะอนุมานได้ว่า กรุงเทพ หรือเชียงใหม่ ยังมีศักยภาพที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่านี้อีกมาก

ธุรกิจโรงพยาบาลช่วงนี้อาจจะดูอืดๆ ไปบ้าง แต่เทรนด์คนแก่ยังอยู่ และยังเป็นไปอีกนานหลายปี สักพักก็อาจจะกลับมาเติบโตใหม่ได้ไม่ยาก ตราบใดที่ความต้องการยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หุ้นค้าปลีกอาจเป็นหุ้นแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ต้องเริ่มตั้งคำถาม เพราะเราไม่รู้ว่าเทคโนโลยีดิจิตอลจะเข้ามาเปลี่ยนอุตสาหกรรมนี้ในรูปแบบไหน รู้แต่ว่าน่าจะเปลี่ยนเยอะ และบริษัทที่ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ไม่ได้ ก็มีสิทธิสูญเสียความแข็งแกร่งที่เคยมีมาตลอดได้ง่ายๆ

ธุรกิจอาหารเป็นกลุ่มที่เริ่มดูน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร หรืออาหารที่มีแบรนด์สินค้า เพราะพฤติกรรมของคนชั้นกลาง นอกจากอยากใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว การกินอาหารดีๆ อร่อยๆ หรูๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ก็เป็นเทรนด์ที่ชัดเจนมาก

ธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นอีกธุรกิจที่มองเห็นภาพใกล้ตัวชัดเจนว่าเติบโตสูงมาก เพราะการที่คนหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้นจะทำให้ความต้องการในการจัดส่งสินค้าแบบ outbound logistic สูงขึ้นตามไปด้วย แต่น่าเสียดายที่ตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่มีหุ้นที่ตรงกับเทรนด์นี้ให้เลือกมากนัก

ธนาคารพาณิชย์ เป็นอีกกลุ่มที่ต้องตั้งคำถาม เพราะที่ผ่านมาแข็งแรงมาก แต่ตอนนี้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จะถูก disrupt โดยเทคโนโลยีได้ ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ดูเหมือนจะพึ่งพาธุรกิจธนาคาร ถ้าหากธนาคารแข็งแรง กล้าปล่อยสินเชื่อ อสังหาริมทรัพย์ก็จะดีตามไปด้วย

ในส่วนของตัวเราเอง การปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงดูจะยากขึ้นทุกวัน โลกหมุนไปในลักษณะที่เอื้อต่อธุรกิจขนาดยักษ์ และเราก็มีชีวิตอยู่ในโลกทุนนิยม ซึ่งจำเป็นต้องมีเงินมีทองมาซื้อสินค้าบริการที่ต้องกินต้องอยู่ต้องใช้ (มนุษย์ยุคใหม่ทำอะไรเองไม่เป็น ต้องซื้อเอา) ทางที่ดี ก็ต้องพยายามรักษาความสามารถในการหารายได้ของเราเอาไว้ให้ดีที่สุด มั่นคงที่สุด ออมเงินได้ก็ควรออมเพื่อวัยเกษียณด้วยการลงทุนในหุ้นบ้าง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าในระยะยาว ก็น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้

2 Replies to “Sector Commentary 1Q18”

  1. อนาคตของเราคงหนีไม่พ้น ซื้อขายในลาซาด้า กับ แรงงานโดยเอไอ
    ทุกวันนี้ลาซาด้า ขายของคุณภาพ ราคาถูก ได้ดีกว่า การเดินช๊อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านค้าข้างถนน เพราะ เดินหาของ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าจะจู้จี้ราคา ก็ยิ่งทำยาก เพราะต้องเหนื่อยเดินหา ยิ่งขึ้น แต่การซื้อผ่านลาซาด้า นอนอยู่บ้าน เสิช สินค้าไปเรื่อยๆ จะพบร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ยี่ห้อดี ราคาถูกได้เอง เพร่ะร้านค้าในลาซาด้าต้องพยายามโพสราคา แสดงข้อมูล และทำตัวน่าเชื่อถือ เพราะเรียกร้องให้ลูกค้ารีวิวห้าดาว ในอนาคตน่าจะหาทางขายสินค้า ที่ขายออนไลน์ได้ยาก เช่น ยารักษาโรค อาวุธปืน เพชรแท้ ทองแท้ ในลาซาด้า ได้ด้วย ในส่วนเรื่อง แรงงานเอไอ ทุกวันนี้ ดูคลิป ซีพีเลี้ยงไก่ด้วยเอไอ ทำอาหารกล่องด้วยเอไอแล้ว เห็นได้ว่า ในอนาคต เอไอย่อม รับจ้าง ตัดผม เสริมสวย กดสิว นวดตัว แกะสลัก ชงกาแฟ แบกหาม ได้อย่างแน่นอน ถ้าคิดให้ไกลกว่านั้น เอไอน่าจะเข้าถึงเรื่องความสุขของคน ได้ด้วย เช่น เข้าไป ปรุงแต่งความคิด จินตนาการในสมองของคนได้

  2. พี่โจ๊ก คิดว่าใน 4 บริษัท apple amazon google facebook บริษัทไหนจะถึง trillion dollar ก่อนคับ ขอบคุณคับ

Comments are closed.