ตู้บุญเติม

FSMART มีแผนขยายตู้บุญเติมจากปัจจุบันประมาณ 4 หมื่นตู้ เป็น 5.7 หมื่นตู้ภายในปีนี้ เป็นการเติบโตที่ sizable พอสมควร

ไปลองเล่นตู้ดู พบว่า ยังมีบริการไม่เยอะเท่าไร (บังเอิญผมไม่ได้เป็นลูกค้าสักอย่าง) แต่คิดว่าเขาคงพยายามเพิ่มอยู่ และต้องใช้เวลาในการเจรจาธุรกิจ

บริษัททำรายได้ต่อตู้ ประมาณ 2.5 หมื่นบาทต่อปี เพิ่มขึ้นจากสามปีก่อนที่อยู่ประมาณ 2 หมื่นบาท (รายได้นี้มาจากค่าธรรมเนียม และ/หรือ ค่าคอมมิชชั่น หักส่วนแบ่งแฟรนไชส์ออกแล้ว) แต่ไม่ทราบว่าต้นทุนค่าเครื่องต่อตู้ประมาณเท่าไร (มีท่านใดทราบมั้ยครับ)

ใครเป็นลูกค้าอยู่บ้าง คิดว่ามันมีข้อดีหรือข้อเสียเทียบกับช่องทางจ่ายเงินอื่นๆ อย่างไรบ้าง แชร์ประสบการณ์กันได้ครับ

ปรับพอร์ต Index Fund

เมื่อต้นปีได้ทำพอร์ตตัวอย่างสำหรับการซื้อ Index Fund เอาไว้  (เกือบลืมไปแล้วว่าทำไว้) บัดนี้ถึงทำ Rebalance สิ้นปี

กฎของเราก็คือ Rebalance ปีละครั้ง ให้ปรับใหม่ให้ Equity อยู่ระหว่าง 50-70% ของพอร์ต (ให้อิสระภายในกรอบนี้)​ ก็เลยเลือกมั่วๆ ไปที่ Equity 55%

ขอบันทึกผลการปรับพอร์ตประจำปีไว้ตามนี้นะครับ

Before

Screen Shot 2557-12-11 at 8.44.30 AM

 

After

Screen Shot 2557-12-16 at 9.47.15 AM สิ้นปีแล้วก็ได้เวลาอันสมควรที่ผมจะเลิกเขียนบทความทุกสัปดาห์ตามที่เคยแจ้งล่วงหน้าไว้แล้วนะครับ ต่อไปนี้ ถ้ามีเรื่องอยากจะเล่าค่อยเขียนครับ ขอเวลาไปทดลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ชีวิตบ้าง

นอกจากบทความตามฤกษ์สะดวกแล้ว ปีนี้ผมตั้งใจจะว่าจะรวบรวมข่าวหุ้น เฉพาะที่ผมเห็นว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวกับ “Growth Story” ที่เป็นระยะกลางถึงยาวของบริษัทจดทะเบียน เท่านั้น หรือมิฉะนั้นก็ต้องเป็นข่าวที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ เช่น เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ ฯลฯ เท่านั้น สำหรับนักลงทุนที่สนใจปัจจัยพื้นฐาน และการลงทุนในระยะกลางถึงยาวจริงๆ จะได้ไม่ถูกเบนความสนใจด้วยข่าวระยะสั้นอื่นๆ ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ โดยเมื่อผมพบเห็นข่าวไหนที่คิดว่าเข้าข่ายนี้ ผมจะนำมาขึ้น Status Update บน Facebook Page ถ้าหากใครสนใจติดตาม ก็สามารถเข้าไปกด Like Page เอาไว้ได้ที่ http://facebook.com/dekisugibooks ครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ

30 Checklist ง่ายๆ สำหรับเลือกหุ้นเติบโต

ผมเชื่อว่าการเลือกหุ้นควรเป็นการวิเคราะห์ในเชิงคุณภาพ แต่ เพื่อช่วยให้ง่ายและจับต้องได้มากขึ้น ผมได้ลองคิดถึง Checklist สำหรับการเลือกหุ้นเติบโตสำหรับลงทุน (ระยะกลางและยาว) นักลงทุนอาจใช้ Checklist นี้ เพื่อช่วยกรองหุ้นเบื้องต้น หรือมาเสริมการวิเคราะห์เชิงคุณภาพของเราก็ได้ครับ

Continue reading “30 Checklist ง่ายๆ สำหรับเลือกหุ้นเติบโต”

Opp Day Commentary (2)

คอมเมนท์สั้นๆ ของผมเกี่ยวกับ Opp Day ตัวอื่นๆ ครับ ยังไงก็เป็นเพียงแค่ความเห็นประกอบนะครับ ผมไม่ได้คิดถูกเสมอไป อนาคตไม่มีใครรู้จริง ทุกคนถูกผิดกันได้ครับ Continue reading “Opp Day Commentary (2)”

Opp Day Commentary

ช่วงนี้ผมนั่งฟัง Opp Day ทางอินเตอร์เน็ตอยู่ ก็เลยถือโอกาสเอาคอมเมนต์ของผมมาแชร์ ถือเป็นโอกาสที่จะได้พูดถึงหลายบริษัทที่อาจจะไม่เคยเอ่ยถึงด้วย

อนึ่ง อย่างที่เคยเกริ่นไปบ้างแล้วว่าผมมีแผนที่จะเขียนบทความหุ้นน้อยลง เพราะอยากเอาเวลาไปลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง ก็คิดว่าขึ้นปีใหม่นี้จะเลิกเขียนเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่จะเขียนเมื่อมีเรื่องอยากจะเล่าแทน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเจาะลึกรายบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่ยังไม่เคยพูด ซึ่งอาจจะไม่ใช่บริษัทที่ผมสนใจลงทุน แต่เห็นว่ามีเรื่องราวที่นักลงทุนน่าจะเรียนรู้ได้ จึงเรียนมา เพื่อทราบไว้ล่วงหน้านะครับ Continue reading “Opp Day Commentary”

อุตสาหกรรมที่น่าสนใจในระยะกลาง (ต่อ)

ในครั้งก่อน ผมได้สรุปไปว่า อุตสาหกรรมที่น่าสนใจในระยะกลางในความเห็นของผมเวลานี้คือ ธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสื่อสาร

ในครั้งนี้อยากเขียนถึงบริษัทเหล่านี้เพิ่มเติม เพราะมีประเด็นปลีกย่อยบางประเด็นที่คิดว่าอยากนำเสนอไว้เป็นไอเดียในการเลือกหุ้นเพิ่มเติม Continue reading “อุตสาหกรรมที่น่าสนใจในระยะกลาง (ต่อ)”

ผลการแข่งจัดพอร์ต 3 ปี (31/12/2014)

เมื่อสามปีที่แล้ว ผมได้จัด Investment Contest สนุกๆ ขึ้น โดยให้ทุกท่านเลือกหุ้นคนละ 5 ตัว เพื่อลงทุนแบบสมมติ 3 ปี นับผลตอบแทนเป็น Capital Gain + Dividends บัดนี้ อีกราวหนึ่งเดือนก็จะครบกำหนดแล้วนะครับ Continue reading “ผลการแข่งจัดพอร์ต 3 ปี (31/12/2014)”

อุตสาหกรรมที่น่าสนใจในระยะกลาง

ตามที่ได้เคยอธิบายไปว่า ผมมีมุมมองที่ไม่ค่อยสดใสเกี่ยวกับภาคส่งออกของไทยในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้า และคิดว่ารัฐฯ จะไม่มีทางเลือก นอกจากต้องส่งเสริมการบริโภคในประเทศ เพื่อให้ช่วยขับดันเศรษฐกิจแทนการส่งออก ซึ่งทุกประเทศเกิดใหม่ก็น่าจะทำแบบเดียวกัน เพื่อทดแทนกำลังซื้อของประเทศพัฒนาแล้วที่ถดถอยลง Continue reading “อุตสาหกรรมที่น่าสนใจในระยะกลาง”

วิธีมองการซื้อหุ้น

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราซื้อหุ้นอะไรแล้วถือไว้ไม่ได้นาน คือ วิธีที่เรามองการลงทุนในหุ้น

ตอนเริ่มต้นลงทุนใหม่ๆ ผมมักจะติดกับความคิดที่ว่า การซื้อหุ้นให้ได้กำไรคือ ซื้อหุ้นแล้วพอราคามันขึ้นไปมากๆ เราก็ขายออกมา แล้วก็จะได้กำไร

ในเมื่อเรามีมุมมองแบบนี้ พอหุ้นขึ้นไปมากๆ เราก็อดรนทนไม่ได้ ต้องขายออกมา เพื่อ “ล็อค”กำไร เอาไว้ ฯลฯ  สุดท้ายแล้วก็จะถือหุ้นไม่ได้นาน เพราะถ้าไม่ได้ขายทำกำไร จะรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง

ที่จริงแทนที่เราจะมีมุมมองกับหุ้นแบบนั้น เราน่าจะคิดว่า เราไม่ได้ซื้อหุ้น เพื่อที่จะทำกำไรส่วนต่าง แต่เราซื้อหุ้น เพื่อ “สะสม” Wealth ของเราไว้ในตราสารทางการเงิน ที่ให้ผลตอบแทนได้มากกว่าเงินสดในระยะยาว เราจึงมุ่งที่จะสะสมหุ้นให้เยอะขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ใช่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องขายออกมาเพื่อ “ทำกำไร”

ก็ในเมื่อหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว แล้วเราจะขายหุ้นเพื่ออะไร ขายแล้วจะหนีไปไหน หนีไปหาเงินสด เพื่อให้เงินของเราทำงานให้เราน้อยลงอย่างนั้นหรือ ทำไมเราไม่คิดว่าจะเก็บความมั่งคั่งของเขาเอาไว้ในหุ้นให้ได้มากที่สุดและตลอดไป เพื่อให้เงินของเราทำผลตอบแทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นั่นแหละถึงจะเป็นวิธีมองการลงทุนที่ถูกต้อง

ที่จริงทุกครั้งที่คุณ “ซื้อ” คุณจะกำไรหรือขาดทุน มันได้ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าตอนหลังคุณจะขายมันออกมาเพื่อทำให้กำไรเป็นจริง (realize gain) หรือทิ้งมันไว้ให้อยู่ในรูปของหุ้นต่อไปก็ตาม เพราะถ้าคุณซื้อธุรกิจที่ดี ในราคาที่เหมาะสม คุณคิดถูกแล้วตั้งแต่ตอนที่ซื้อ (หรือถ้าคิดผิดก็ผิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว) ถ้ากิจการนั้นไปไม่รอด การขายขาดทุนทิ้งออกมาตอนหลัง ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ดังนั้นจะได้กำไรหรือขาดทุนไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณจะขายหรือไม่ขาย แต่เกี่ยวกับว่า ตอนที่คุณซื้อ มันเป็นการตัดสินใจที่ดีแค่ไหนมากกว่า

แน่นอนว่าเมื่อคุณซื้อไปแล้ว บางครั้งคุณคิดถูก บริษัทกำไรดีขึ้น แต่ราคาหุ้นกลับตกลง หรือบางครั้งราคาหุ้นก็ขึ้นสะท้อนผลกำไรเกินไปมากๆ ถ้าคุณไม่รีบขายออกมาก่อน คุณก็อาจจะรู้สึกเสียดายโอกาสที่จะทำกำไร Windfall เหล่านั้น ความคิดทั้งหลายเหล่านี้มักจะเป็นข้ออ้างให้หัวที่ทำให้เราขายหุ้นออกมาในที่สุด ถือหุ้นได้ไม่นาน  แต่อันที่จริง การที่เรามีความคิดทำนองนี้อยู่ เป็นเพราะ เรามีทัศนคติทำนองว่า ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวในระยะสั้นเป็นเรื่องที่ทำนายได้ แต่ในความเป็นจริง ถ้าคุณลอง track ผลงานการทำกำไรระยะสั้นของคุณดู คุณจะรู้ว่า คุณไม่ได้ทำนายเก่งเลย แทนที่จะหวังกำไรที่เกิดขึ้นจากโชคช่วย แต่คาดการณ์ไม่ได้เหล่านั้น เราควรเลิกสนใจมัน และคิดว่า ราคาหุ้นในกระดานก็เป็นแค่ความคิดของคนอื่นๆ ในตลาดที่เกิดจากการคาดหวังของพวกเขา ซึ่งอาจจะตรงหรือไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจนั้นในอนาคตก็ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา สิ่งที่เราควรจะ bet มากกว่าคือ ความคิดหรือการวิเคราะห์ของเราเอง เทียบกับผลประกอบการจริงของหุ้นตัวนั้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าตรงหรือห่างกันแค่ไหน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับราคาที่คุณ “ซื้อ”​ล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับราคาในกระดานหลังจากนั้นแต่อย่างใด

แน่นอนว่าทัศนคติแบบมองการซื้อหุ้นให้เป็นการ “สะสม” หุ้นให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ นั้น ไม่ใช่ทัศนคติที่เหมาะกับการเล่นหุ้นทุกสไตล์ แต่คนที่ควรจะมีทัศนคติแบบนี้ควรเป็นคนที่ซื้อแต่หุ้นที่มีพื้นฐานปานกลางขึ้นไปจนถึงดีเยี่ยมเท่านั้น ไม่สนใจธุรกิจแบบด้อยคุณภาพ ไม่สนใจหุ้นแนวกลับตัว และเป็นคนที่บริหารพอร์ตที่มีการกระจายหุ้นในระดับหนึ่งด้วยเสมอ เพราะคนที่ลงทุนแบบนี้ โอกาสที่จะเสียหายรุนแรงเพราะไม่ขายหุ้นนั้นมีน้อยมากๆ จึงสามารถคิดว่าการซื้อหุ้นเป็นการสะสมเพิ่มไปเรื่อยๆ ได้ นี่ไม่ได้หมายความว่า ถ้ามีวิกฤตการเงินเกิดขึ้นแล้ว พอร์ตของพวกเขาจะไม่ลงอย่างรุนแรง แต่หมายความว่า ต่อให้ลงรุนแรง แต่เมื่อเมฆฝนผ่านไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ขายหุ้นเพื่อหนีวิกฤตเลย พอร์ตก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้อีก เพราะพอร์ตของธุรกิจที่ดีจำนวนมาก ย่อมกลับมาได้เสมอ ตราบใดที่ประเทศนั้นยังต้องการผู้ผลิตสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อการดำรงชีวิตของพลเมืองในประเทศนั้นอยู่

จะต้องกลัวอะไรถ้าหากไม่ได้ล้างพอร์ต สะสมความมั่งคั่งของเราให้อยู่ในรูปของตลาดสารที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระยะยาวให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

การสะสมหุ้นให้มากขึ้นเรื่อยๆ นั้น ไม่ได้หมายความว่าห้ามขายหุ้นอะไรเลย ถ้าหากหุ้นในพอร์ตบางตัวมีโอกาสเติบโตน้อยลง เห็นตัวอื่นที่ดีกว่า ถูกกว่า จะสลับตัวบ้างก็ได้ แต่ทำไปเพื่อปรับปรุงพอร์ตของเราให้แข็งแรงขึ้น ต้นทุนถูกลง ไม่ใช่ขายด้วยเหตุผลว่าต้องการจะได้กำไร

สุดท้ายคือความคิดของเราในตอนที่ซื้อหุ้น ควรถามตัวเองว่า หุ้นนั้นดีพอที่เราจะกล้าซื้อ ณ ราคานั้น แล้วไม่ขายอีกเลยหรือไม่ (ภายใต้สถานะที่เรามีหุ้นดีๆ หลายๆ ตัวในพอร์ตด้วยนะ ไม่ใช่มีหุ้นตัวนั้นแค่ตัวเดียวทั้งพอร์ต) ถ้าหากคำตอบคือ ไม่ ก็ยังไม่ควรจะซื้อหุ้นตัวนั้น แต่ถ้าจะซื้อ ก็ไม่ต้องคิดเรื่องลงทุน ไม่ต้องคิดเรื่องถือยาว ไม่ต้องผูกพัน ไม่ต้องคิดว่าเป็นการสะสม เพราะว่าเรา “ซื้อ” เข้ามา ในราคาที่ซื้อไม่ได้ครับ  

อนาคตของภาคส่งออกไทย?

ตัวเลขส่งออกไทย เดือนล่าสุด ค่อนข้างน่าผิดหวังทีเดียว เพราะโตติดลบ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นบวกกันหมด ถ้าหากตัดยอดส่งออกทองคำและพลังงานออกไป ก็อาจติดลบน้อยลง แต่ว่าก็ไม่ควรจะติดลบเลย เพราะที่ผ่านมา ตัวเลขส่งออกไทยมักจะโตได้ดีมาตลอด Continue reading “อนาคตของภาคส่งออกไทย?”